รีวิว tunnel อุโมงค์ลับซ่อนมิติ  สำหรับในวันนี้แอดก็มี หนังแนวสืบสวนสอบสวน ซีรี่ย์เกาหลี  ที่บอกเลยว่าสนุกและน่าติดตามมากๆ พอๆกับเรื่อง Dog เพื่อนกันพันธุ์ห้าวที่เราได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ และสำหรับหนังที่เราจะรีวิวต่อไปนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะ ดูหนังออนไลน์ ในวันว่างๆของเพื่อนๆ นั่นก็คือซีรีย์เกาหลีระทึกขวัญ Tunnel อุโมงค์ลับซ่อนมิติ ซึ่งตอบโจทย์การดูซีรีส์แบบสุดๆ

เมื่อได้ดูซีรีส์เรื่องนี้บอกเลยว่ารู้สึกอยากดูต่อไปเรื่อยๆ น่าติดตามมากๆ มากแบบหยุดดูไม่ได้ 5555 ยิ่งเมื่อได้ดูตอนต่อๆไป ก็บอกได้เลยว่าติดซีรีส์เรื่องนี้ไปแบบไม่รู้ตัวไปซะแล้ว โดยสำหรับหนังน่าดู เรื่องราวในหนังจะเป็นยังไงต่อไปนั้นไปติดตามชม รีวิวหนังชีวิต จากทางเรากันได้เลย

รีวิว tunnel อุโมงค์ลับซ่อนมิติ หนังเกาหลี แนวสืบสวนสอบสวน พากย์ไทย

รีวิว tunnel อุโมงค์ลับซ่อนมิติ ข้อมูลแนะนำ

 

รีวิว tunnel อุโมงค์ลับซ่อนมิติ  หรือชื่อภาษาไทยว่า อุโมงค์ลับซ่อนมิติ เป็นซีรีส์เกาหลี สืบสวนแนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ เป็นเรื่องราวของตำรวจสายสืบในปี 1986 ชื่อว่า พัคกวางโฮ (นำแสดงโดย ชเวจินฮยอก) ขณะที่เขากำลังวิ่งไล่หัวขโมย ก็บังเอิญไปพบศพหญิงสาวข้างทางถูกปิดปากและรัดด้วยถุงน่อง และมีรอยจุดที่ข้อเท้า 1 จุด หลังจากนั้นก็พบศพ

 

หญิงสาวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยที่จำนวนจุดบนข้อเท้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน จาก 1 เป็น 2 จนเป็น 6 นั่นทำให้ทีมตำรวจสายสืบรู้ได้ทันทีว่า พวกเขากำลังเจอคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนั่นเอง ซึ่งฆาตรกรคนนี้เก่งมาก เขาฆ่าคนโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้เลย ทำให้ตำรวจหัวหมุนกันเลยทีเดียว แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำพัคกวางโฮเจอตัวฆาตรกรในอุโมงค์แห่งหนึ่ง แต่พัคกวางโฮไม่สามารถจับกุมได้ แถมยังโดนฟาดหัวด้วยก้อนหิน ก่อเกิดจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้

 

 

รีวิว tunnel ซีรี่ย์เกาหลี สืบสวน พากย์ไทย

 

Tunnel อุโมงค์ลับซ่อนมิติ เป็นซีรีส์เกาหลีแนวอาชญากรรม หนังออนไลน์แนวเอาตัวรอดสัญชาติเกาหลีใต้ที่ลงจอมาแล้วตั้งแต่ปี 2016 และสมาชิกสตรีมมิ่งค่ายสีเหลืองอย่าง VIU คงจะได้ลุ้นระทึกไปกับชะตากรรมของตัวเอกในเรื่องจนแน่นหน้าอกกันมาแล้ว และยังคงแน่นหนักมาจนถึงปี 2023 นี่เลยเชียว ด้วยโปรดักชันที่สมจริงและบทที่บีบคั้น ดึงอารมณ์แถมยังไม่วายเสียดสีแบบเหมารวมทั้ง การเมือง รัฐบาล และสื่อในประเทศแบบเจ็ดจี๊ด

เนื้อเรื่อง

 

ซีรีส์ Tunnel หรือชื่อภาษาไทยว่า อุโมงค์ลับซ่อนมิติ เป็นซีรีส์เกาหลีแนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ เป็นเรื่องราวของตำรวจสายสืบในปี 1986 ชื่อว่า พัคกวางโฮ (นำแสดงโดย ชเวจินฮยอก) ขณะที่เขากำลังวิ่งไล่หัวขโมย ก็บังเอิญไปพบศพหญิงสาวข้างทางถูกปิดปากและรัดด้วยถุงน่อง และมีรอยจุดที่ข้อเท้า 1 จุด หลังจากนั้นก็พบศพหญิงสาวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

โดยที่จำนวนจุดบนข้อเท้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน จาก 1 เป็น 2 จนเป็น 6 นั่นทำให้ทีมตำรวจสายสืบรู้ได้ทันทีว่า พวกเขากำลังเจอคดีฆาตรกรรมต่อเนื่องนั่นเอง ซึ่งฆาตรกรคนนี้เก่งมาก เขาฆ่าคนโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้เลย ทำให้ตำรวจหัวหมุนกันเลยทีเดียว แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำพัคกวางโฮเจอตัวฆาตรกรในอุโมงค์แห่งหนึ่ง แต่พัคกวางโฮไม่สามารถจับกุมได้ แถมยังโดนฟาดหัวด้วยก้อนหิน ก่อเกิดจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้

 

พัคกวางโฮฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในยุค 2016 ซึ่งผ่านมาแล้ว30ปี ทั้งๆที่ตัวเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย พอเขากลับไปยังสถานีที่เขาทำงาน พบว่ารุ่นน้องที่เคยทำงานด้วยกันกลายเป็นหัวหน้าทีมสายสืบไปเสียแล้ว

 

 

 

ประจวบเหมาะกับมีรุ่นน้องเข้ามาทีมสายสืบและมีชื่อว่า พัคกวางโฮ เช่นกัน! พัคกวางโฮคนเก่าเลยสวมรอยเป็นพัคกวางโฮคนใหม่ โดยที่พยายามสืบหาว่าพัคกวางโฮตัวจริงนั้นหายไปอยู่ไหน นอกจากนั้นเขาได้พบว่าฆาตรกรในคดีฆาตรกรรมต่อเนื่องในปี1986ที่เขาตามล่ายังไม่ถูกจับกุม และคดีหมดอายุความไปแล้วด้วย

 

การเดินทางข้ามเวลาทำให้เขาได้พบกับคู่หู คือ คิมซอนแจ (นำแสดงโดย ยุนฮยอนมิน) ที่มีนิสัยคล้ายๆกับพัคกวางโฮ เรียกได้ว่า คู่สร้างคู่สม นอกจากนี้ยังได้ศาสตราจารย์ชินแจอี (นำแสดงโดย ลียูยอง)  นักวิเคราะห์ฆาตรกร มาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด ซีรีส์นี้ซ่อนปมต่างๆมากมาย การเดินทางข้ามเวลามาของพัคกวางโฮ สาเหตุที่เขาข้ามเวลามา และวิธีการที่ทำให้เขาได้กลับไป ฆาตรกรที่ยังไม่ถูกจับกุม และยังมีคดีต่างๆอีกมากมาย

 

ความรู้สึกหลังจากดูจบแล้ว

 

ซีรีส์อาชญากรรม เกาหลีที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากๆ บอกได้เลยว่าทุกคดีในเรื่องนี้พีคสุดยอด ก่อนอื่นเลยเราจะมาบอกจุดที่เราชอบของเรื่องนี้ คือ ความเชื่อมโยงกันของไทม์ไลน์อดีตและปัจจุบัน ที่โครงเรื่องมีความเกี่ยวข้องและลงล็อคกันได้อย่างเหมาะเจาะ

 

เช่น รุ่นน้องที่ชื่อ พัคกวางโฮ ปี 2016 ก็คือลูกของผู้หญิงที่พัคกวางโฮเคยช่วยไว้ตอน 1986 เธอชื่นชมในตัวหมู่พัคกวางโฮ เลยตั้งชื่อลูกของเธอว่าพัคกวางโฮ และอยากให้ลูกเป็นตำรวจ นอกจากนี้เรายังชอบการวิเคราะห์ฆาตรกรของศาสตราจารย์ชินแจอี เป็นการวิเคราะห์แนวจิตวิทยา ที่วิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้ง

 

มีประโยคหนึ่งที่เธอพูดไว้ว่า “ฆาตรกรที่ก่อเหตุโดยไม่มีเหตุผลเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะฆาตรกรทุกคนมีเหตุผล” ไม่ได้หมายถึงว่าเหยื่อสมควรถูกฆ่านะ แต่หมายถึงฆาตรกรไปเจอสิ่งที่อาจเรียกได้ว่า ตัวกระตุ้น ที่กระตุ้นให้ฆาตรกรนึกถึงปมของตัวเองและก่อฆาตกรรม เหมือนได้เห็นฆาตรกรอีกมุมหนึ่ง ทำให้เข้าใจและช่วยให้การจับกุมง่ายขึ้น

 

แต่สิ่งที่ทำให้รำคาญใจในเรื่องนี้คือ ฆาตรกรคดีฆาตกรรมต่อเนื่องซึ่งเป็นคดีหลักของเรื่องนี้ เขาเก่งเกินไปเกินมนุษย์ อีพีหลังๆเราดูแล้วหงุดหงิดมากๆ เหมือนฆาตรกรพยายามบอกใบ้ แต่ทีมสายสืบก็ไม่รู้เรื่องสักที มีชินแจอีที่พอจะรับรู้ได้ แต่ไม่ค่อยมีใครฟัง

 

 

รีวิว tunnel ซีรี่ย์เกาหลี สืบสวน พากย์ไทย

จุดเด่นและจุดด้อยของเรื่อง

สิ่งที่โดดเด่นของหนังออนไลน์เรื่องนี้ก็คือบท ที่หากให้พูดตรง ๆ คือ อาจจะไม่สนุก ตื่นเต้น เท่ากับเรื่องที่กล่าวมาด้านบนทั้งหมดก็จริง เมื่อตัวเรื่องไม่ได้เน้น ความตื่นเต้นระทึกขวัญจากสถานการณ์คับขัน

 

และเนื้อเรื่องไม่ได้ขายความซับซ้อน แต่สิ่งที่ทำให้บทของ เรื่องนี้แข็งแรงกว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาก็คือ รายละเอียดและความน่าเชื่อถือของตัวละคร เมื่อเป็นซีรีส์ที่ดูใส่ใจฉาก Crime Scene

 

มีการเก็บรายละเอียดกันจริงจัง เอาที่เห็นได้ชัดเลยคือ ใส่ถุงมือสวมถุงเท้ากันจริง ๆ กับซีรีส์หรือหนังบางเรื่องเห็นเดินลุยเข้าที่เกิดเหตุเอามือเปล่าหยิบจับหลักฐาน ถ้าเป็นเรื่องจริงสถานที่เกิดเหตุปนเปื้อนหมด แล้วตัวละครมีการลงพื้นที่สืบสวน

 

ให้รายละเอียดการเชื่อมโยงข้อมูลมาวิเคราะห์ จนคนดูเห็นภาพตามการสืบสวนไปด้วยได้จริง ๆ ไม่ได้ใช้โชคดวง ลมเพลมพัด ความเหนือธรรมชาติ ใช้บทช่วยแบบฟลุ๊ค ๆ เหมือนกับเรื่องอื่น

 

แต่ถามว่ามันมีความไม่น่าเชื่อถืออยู่ไหมกับซีรีส์เกาหลีรื่องนี้ มันก็ยังมีเจืออยู่บ้างกับความเป็นซีรีส์เหนือธรรมชาติ หรือความไม่สมเหตุผลของการที่ พัคกวางโฮ เข้ามาร่วมทีมสืบสวนโดยการสวมรอยเป็นคนอื่น แล้วไม่มีใครสงสัยในทีแรก

 

แต่หากเจาะเฉพาะรายละเอียดย่อยที่ไม่ใช่เนื้อหาหลัก ก็ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้บทแข็งแรงดีเรื่องหนึ่งเลยล่ะ แต่อย่าเห็นว่าผมชมเรื่องบทแข็งแรงดีแล้วจะไม่มีส่วนที่ไม่ถูกใจนะ

บทวิเคราะห์เรื่องนี้

 

ผ่านไป 6 ปีฝั่งเกาหลีก็ทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ‘Tunnel’ หรือในชื่อไทย ‘หนังออนไลน์ อุโมงค์มรณะ’ หนังเอาตัวรอดที่ดำเนินไปในทางเดียวกันคือ Single Location  หรือหนังโลเคชันเดียว และเป็นประเภทที่ตัวละครต้องติดอยู่ในสถานที่เดียวทั้งเรื่อง ถึงแม้จะมีการเคลื่อนย้ายสารร่างอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในวงจำกัดและไม่สามารถช่วยตัวเองให้ออกไปนอกรัศมีของพื้นที่จำกัดนั้นได้เลย โดยให้เครื่องมือช่วยชีวิตไว้ 3 อย่าง คือน้ำเปล่า 2 ขวดที่ได้แถมมาจากปั๊มน้ำมัน เค้กวันเกิดของลูกสาว และโทรศัพท์มือถือที่มีแบตเตอร์รี่อยู่ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์

 

ในขณะที่พล็อตเรื่องดำเนินมาแบบนี้ และสภาพหน้างานก็ช่างพังพินาศชนิดที่ไร้ทางออก ก็ถึงคราวที่ผู้ชมอย่างเรา ๆ จะตั้งป้อมรอลุ้นไปกับชะตากรรมของตัวเอก ซึ่งก็ได้ลุ้นกันไปตามคาด แต่ไม่ถึงขึ้นนิ้วหงิกอย่างที่คิดไว้ตอนแรกเท่านั้นเอง เพราะหนังเลือกที่จะพูดถึงประเด็นแวดล้อมอีกหลายประเด็น โดยที่ไม่ได้แช่นิ่งอยู่ที่การเอาตัวรอดของตัวเอกอย่างที่หนังเรื่องอื่น ๆ ในแนวเดียวกันได้เคยทำเอาไว้

 

ทั้งประเด็นของความผิดพลาดไร้สาระที่ทำให้ปฏิบัติการช่วยชีวิตล่าช้าอย่างไม่ควรจะเป็น จนคุกคามโอกาสที่ตัวละครจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ และสร้างความกดดันชนิดสิ้นหวังอย่างทันทีทันใด จนคนดูอย่างเรา ๆ ต้องสบถออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และสิ้นหวังไปกับตัวละครในทันที ประเด็นของการเมืองและธุรกิจที่ห่วงแต่เรื่องผลประโยชน์จนหลงลืมไปว่า มีหนึ่งชีวิตที่รอคอยอยู่อย่างจวนเจียนจะขาดใจ

 

ประเด็นของการเอาแต่ได้ของสื่อหิวหลายสำนัก ที่ไม่สนหินสดแดด แต่กระเหี้ยนกระหือรืออยากที่จะเป็นอีกาคาบข่าวเป็นตัวแรก มากกว่าที่จะเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างแท้จริง เรียกว่าเป็นการจงใจเสียดสีทุกวงการอย่างเจ็บแสบ โดยไม่มีคำพูดคม ๆ ให้เจ็บจึ๊กแต่สามารถประจานและก่นด่าออกมาได้อย่างแนบเนียน ด้วยบทและจังหวะการนำเสนอที่ตลกขบขัน และทำให้คนดูทั้งขำ ทั้งสาแก่ใจและเห็นคล้อยว่ามันจริง

 

และด้วยการกระจายน้ำหนักไปที่ประเด็นมากมายที่อยากพูดถึงแบบนี้ ก็ทำให้หนังเกาหลีเรื่องนี้กลายเป็นหนังเอาตัวรอดที่เกือบจะเข้มข้นแต่กลับไม่เข้มอย่างใจคิด ถึงกระนั้นหนังก็ยังคงตรึงอารมณ์ชวนระทึกเอาไว้ได้อย่างแน่นเหนียว เรายังคงเอาใจช่วยพ่อเซลขายรถคนนี้ได้อย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่บทก็ทำให้เราได้เห็นถึงความเป็นมนุย์ในยามคับขัน เมื่อหนังพาเราไปพบกับเพื่อนร่วมชะตาอีกสองชีวิตที่ติดอยู่ในนั้นเช่นเดียวกันเขา และเป็นชีวิตที่ผู้ชมต้องเอาใจช่วยอย่างสุดกำลังแน่นอน

 

เป็นบทที่ใส่เข้ามาเพื่อพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ และเรียกดราม่าน้ำตาซึมให้กับคนดู พร้อม ๆ กับคอยลุ้นว่าอย่านะ อย่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลยนะ ผสมกับดราม่านอกอุโมงค์ที่รับมือโดยแบดูนา นางเอกของเรื่องที่รับบทเป็นภรรยาของผู้ประสบเหตุ ที่เล่นกับการรอคอย ความหวังและการตัดสินใจที่กล้ำกลืน ผ่านความรู้สึกที่สังคมกล่าวโทษมาที่ความซวยของครอบครัวเธออย่างไม่ควรจะเป็น และทำให้เราสัมผัสถึงคีย์แมสเสจที่หนังสื่อออกมาได้ว่า

 

คนเราจะอยู่รอความตายอย่างสิ้นหวังไม่ได้จริง ๆ เมื่อถึงคราวที่จะต้องสู้เพื่อความอยู่รอดก็จงฮึดให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะมีเพียงเศษเสี้ยวของความเป็นไปได้ก็ตาม และเชื่อเถอะว่า ถ้าคุณสู้จนถึงที่สุด โดยไม่ละเลยลมหายใจของตนเองและของสิ่งมีชีวิตรอบข้าง รางวัลที่ได้มาก็คุ้มเกินจะคุ้ม

 

 

 

โปรดักชันเรื่องนี้ไม่มีง่อยเลยนะ และสมควรได้คำชมซะด้วยซ้ำ กับฉากที่สมจริงและ CG ที่เนียนตา ทุกฉาก ทุกตอนและมุมกล้องต่าง ๆ สามารถดึงอารมณ์ผู้ชมให้คล้อยตามและจินตนาการไปด้วยได้ว่า หากเราต้องติดอยู่ในสภาพเดียวกับตัวเอกของเรื่อง เราจะสู้และเอาชีวิตให้รอดด้วยวิธีไหน ทั้งฝุ่นปูนที่เขรอะเต็มไปหมด ทั้งอากาศที่อับชื้น และต้องหายใจอยู่ในสภาพที่ไร้อาหารเป็นเวลานานหลายอาทิตย์ เรียกว่าคอสตูมเรื่องนี้ต้องทำงานหนักไม่ต่างจากหนังเรื่องอื่น ๆ ที่ดาราเปลี่ยนชุดแทบทุกฉาก

 

รวมไปถึงแสง สี ที่สร้างบรรยากาศให้ตามลุ้นอย่างสมจริง และองค์ประกอบภายนอกทั้งหมดที่ชวนให้คิดถึงเหตุการณ์จริงและเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลาย ๆ เหตุการณ์ โดยเฉพาะ เรื่องราวของ ‘The 33’ หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์เหมืองถล่มที่ชิลิ หรือแม้กระทั่งการติดอยู่ในถ้ำขุนน้ำนางนอนของน้อง ๆ ทีมหมูป่า ซึ่งเป็นส่วนที่น่าชื่นชมของงานภาพที่สร้างความรู้สึกสมจริงได้ง่าย ๆ

 

นี่ถ้าหากบทจะขยี้ในส่วนของการเอาตัวรอดมากกว่านี้ โดยไม่แวะไปเล่นประเด็นดราม่านอกถ้ำอยู่บ่อย ๆ ตัวหนังอาจสร้างความเห็นอกเห็นใจและดึงดราม่าให้ผู้ชมคล้อยตาม และลุ้นระทึกได้มากกว่านี้อีกแน่ ๆ โดยเฉพาะประเด็นที่สามารถขยี้ได้มากกว่านี้อีกโดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึกกดดัน สิ้นหวัง ทนทุกข์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเหยื่อที่เปิดขึ้นมาแล้วแต่ไม่ได้เก็บรายละเอียดให้หมดจน เสียดาย

รีวิว tunnel อุโมงค์ลับซ่อนมิติ ความประทับใจหลังจากรับชม

 

โปรดักชันเรื่องนี้ไม่มีง่อยเลยนะคะ และสมควรได้คำชมซะด้วยซ้ำ กับฉากที่สมจริงและ CG ที่เนียนตา ทุกฉาก ทุกตอนและมุมกล้องต่าง ๆ สามารถดึงอารมณ์ผู้ชมให้คล้อยตามและจินตนาการไปด้วยได้ว่า หากเราต้องติดอยู่ในสภาพเดียวกับตัวเอกของเรื่อง

เราจะสู้และเอาชีวิตให้รอดด้วยวิธีไหน ทั้งฝุ่นปูนที่เขรอะเต็มไปหมด ทั้งอากาศที่อับชื้น และต้องหายใจอยู่ในสภาพที่ไร้อาหารเป็นเวลานานหลายอาทิตย์ เรียกว่าคอสตูมเรื่องนี้ต้องทำงานหนักไม่ต่างจากหนังเรื่องอื่น ๆ ที่ดาราเปลี่ยนชุดแทบทุกฉาก

 

 

รวมไปถึงแสง สี ที่สร้างบรรยากาศให้ตามลุ้นอย่างสมจริง และองค์ประกอบภายนอกทั้งหมดที่ชวนให้คิดถึงเหตุการณ์จริงและเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลาย ๆ เหตุการณ์ โดยเฉพาะ เรื่องราวของ ‘The 33’ หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์เหมืองถล่มที่ชิลิ หรือแม้กระทั่งการติดอยู่ในถ้ำขุนน้ำนางนอนของน้อง ๆ ทีมหมูป่า ซึ่งเป็นส่วนที่น่าชื่นชมของงานภาพที่สร้างความรู้สึกสมจริงได้ง่าย ๆ

 

นี่ถ้าหากบทจะขยี้ในส่วนของการเอาตัวรอดมากกว่านี้ โดยไม่แวะไปเล่นประเด็นดราม่านอกถ้ำอยู่บ่อย ๆ ตัวหนังอาจสร้างความเห็นอกเห็นใจและดึงดราม่าให้ผู้ชมคล้อยตาม และลุ้นระทึกได้มากกว่านี้อีกแน่ ๆ โดยเฉพาะประเด็นที่สามารถขยี้ได้มากกว่านี้อีกโดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึกกดดัน สิ้นหวัง ทนทุกข์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเหยื่อที่เปิดขึ้นมาแล้วแต่ไม่ได้เก็บรายละเอียดให้หมดจน เสียดายค่ะ

สรุปการรีวิวเรื่องนี้

 

ซีรีส์อาชญากรรมที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากๆ บอกได้เลยว่าทุกคดีในเรื่องนี้พีคสุดยอด ก่อนอื่นเลยเราจะมาบอกจุดที่เราชอบของเรื่องนี้ คือ ความเชื่อมโยงกันของไทม์ไลน์อดีตและปัจจุบัน ที่โครงเรื่องมีความเกี่ยวข้องและลงล็อคกันได้อย่างเหมาะเจาะ

นอกจากนี้เรายังชอบการวิเคราะห์ฆาตรกรของศาสตราจารย์ชินแจอี เป็นการวิเคราะห์แนวจิตวิทยา ที่วิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้ง มีประโยคหนึ่งที่เธอพูดไว้ว่า “ฆาตรกรที่ก่อเหตุโดยไม่มีเหตุผลเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะฆาตรกรทุกคนมีเหตุผล” ไม่ได้หมายถึงว่าเหยื่อสมควรถูกฆ่านะคะ แต่หมายถึงฆาตรกรไปเจอสิ่งที่อาจเรียกได้ว่า ตัวกระตุ้น ที่กระตุ้นให้ฆาตรกรนึกถึงปมของตัวเองและก่อฆาตรกรรมค่ะ เหมือนได้เห็นฆาตรกรอีกมุมหนึ่ง ทำให้เข้าใจและช่วยให้การจับกุมง่ายขึ้นค่ะ

 

เป็นซีรี่ส์ที่สนุกเรื่องหนึ่ง แต่ขอจำกัดความว่าเป็นความสนุกในแง่มุมของการสืบสวน พยายามจับตัวคนร้าย แต่ไม่ใช่แง่มุมความเป็นทริลเลอร์ ตื่นเต้น ระทึกขวัญ สักเท่าไหร่ เมื่อซีรีส์ไม่ได้สร้างข้อจำกัดอะไรให้กับตัวละคร จนคนดูต้องนั่งลุ้นตัวเกร็งอะไรขนาดนั้น

 

เป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่บทพูดค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวผมเองชอบในความแข็งแรงของบท เอาจริงมองเป็นบวกมากกว่าซีรีส์สืบสวนเกาหลี netflixก่อนหน้าที่เคยดูด้วยซ้ำ ถึงความบันเทิงจะน้อยกว่าก็เถอะ

 

จุดเด่น

 

โปรดักชันสมจริง ไม่ค้านสายตาจนสามารถยกนิ้วให้ได้อย่างไม่กังขา

บทสามารถเสียดสีทุกวงการได้อย่างเจ็บแสบ โดยไม่ต้อมีคำคมโดน ๆ เลยแม้แต่คำเดียว

บรรยากาศของหนังสร้างความลุ้นระทึก บีบอารมณ์ ให้เอาใจช่วยว่ารอดเถอะ ๆ และจะรอดอีท่าไหนก็เดาได้ไม่ยากแต่ก็อยากลุ้นอยู่ดี

 

จุดสังเกต

บทกระจายน้ำหนักไปที่ประเด็นอื่น ๆ มากไปหน่อย จนจุดโฟกัสที่น่าจะบีบอารมณืผู้ชมให้ได้มากกว่านี้ เบาบางลงไปอย่างน่าเสียดาย