รีวิว The Intouchables

In Intouchables หรือด้วยใจแห่งมิตรพิชิตทุกสิ่ง หนังของฝรั่งเศส เป็นเรื่องราวแสนอบอุ่นว่าด้วยมิตรภาพต่างวัย ต่างสีผิว ต่างฐานะ แต่ผู้ชายคนหนึ่งคือ มหาเศรษฐีพันล้าน ส่วนอีกหนึ่งคือ ชายผิวดำจากสลัม ก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เรื่องนี้ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

เรื่องมีอยู่ว่า ว่าด้วยเรื่องของเศรษฐีพิการคนหนึ่ง กับบุรุษพยาบาลจำเป็นผิวสี ผู้มีประวัติโชกโชนดูจากคาแรกเตอร์ นี่มันฟอร์มสำเร็จรูปหนังดราม่ากอดผ้าเช็ดหน้าชัด ๆ ฟิลิปป์ประสบอุบัติเหตุกลายเป็นอัมพาต เพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงเปิดรับสมัครคนดูแลพิเศษ โดยเงื่อนไขความพิเศษก็ไม่มากมายอะไร แค่ต้องรับหน้าที่ทั้งบุรุษพยาบาล เลขาฯ ส่วนตัว เป็นแขนขาให้แล้วต้องเป็นเพื่อนได้ด้วย

The Intouchables เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของชายผู้หนึ่งที่ต้องนั่งเก้าอี้เข็นตลอดชีวิตเพราะอุบัติเหตุจนสภาพร่างกายตั้งแต่ช่วงคอลงไปไร้ความรู้สึก ทำให้จำต้องประกาศหาพยาบาลส่วนตัวเพื่อมาดูแลอยู่ข้างๆจนได้พบกับชายคนนั้นที่ทำให้ชีวิตต่างฝ่ายเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเกินคาดอย่างคาดไม่ถึงกับชีวิตที่ไม่เต็มร้อยได้อย่างสบายสุขสบายใจ

โดยเนื้อเรื่องเกิดขึ้นกับฟิลิปป์ (Francois Cluzet) มหาเศรษฐีผู้มีทรัพย์สินเงินทองพร้อมทุกอย่างในชีวิต แต่ขาดคนดูแลเคียงข้างเพียงเพราะเขาเป็นอัมพาตทั้งตัวจนมีสิ่งเดียวที่นำพาชีวิตไปไหนได้คือเก้าอี้รถเข็น ทว่าในระหว่างคัดตัวผู้ที่จะมาดูแลนั้นเกิดสะดุดตาเข้ากับใครบางคนที่ดูจะแตกต่างกับใครทุกคนที่มาสมัคร เนื่องจากคนนี้เป็นคนผิวดำอันแสนจะดูไม่เป็นทางการเลยสักนิดแถมท่าทางจะมากวนโอ๊ยก็ว่าได้

ซึ่งคนนี้คือดริสส์ (Omar Sy) ชายร่างโตที่เดินเข้ามาหาเพียงเพื่อต้องการให้ฟิลิปป์เซ็นเอกสารเท่านั้นส่วนเรื่องอื่นอะไรไม่ได้คิดสนใจแม้แต่น้อย งานนี้จึงเท่ากับว่าดริสส์ชายผู้ดูแตกต่างจากชาวบ้านชาวช่องไม่ได้มาขอสมัครงานแต่อย่างใด และด้วยท่าทางไม่ตั้งใจมาเพื่อเอางานเช่นนี้เองบกกับเสน่ห์บางอย่างกลับทำให้ฟิลิป์ตัดสินใจบางอย่างเพียงท่าทางที่ดูแอบกวนๆจนเขาคิดว่าน่าสนใจกว่าคนที่แล้วมามาก

ดังนั้นดริสส์ผู้ไร้งานจะได้งานดูแลมหาเศรษฐีฟิลิปป์แบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และกาลเวลาที่ผ่านไปทำให้ทั้งสองได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้นจนก่อเกิดเป็นมิตรภาพของเพื่อนที่ต่างสถานะต่างวัยอันแสนสุดประทับใจจนเราเองยังอิจฉา!

ไม่ใช่แค่หนังเท่านั้นที่ตัวเองรู้สึกได้ถึงความปลื้มแบบอารมณ์ Feel Good แต่นี่เล่นอิงจากชีวิตจริงด้วยทำให้รู้สึกได้ว่าชีวิตในสังคมอันกว้างยังมีเรื่องที่ดูน้ำเน่าเช่นนี้อยู่อีก ไม่ได้จะว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระแต่อย่างใดเพียงมีความเห็นที่ว่าการนำสิ่งที่ตาลปัตรในเรื่องความแตกต่างมาจับมืออยู่ด้วยกันนั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งและพบได้น้อยกับความคนที่มีมุมมองแตกต่างแล้วอยู่ด้วยกันคล้ายเป็นเพื่อนที่สนิทสนมรู้วจกันมาเนินนาน
แต่ทั้งนี้การอิงมาจากชีวิตจริงอาจจะดูไม่เท่าไหร่เมื่อถูกดัดแปลงให้มีทัศนะที่น่าสนใจมากขึ้นอย่างเช่นเรื่องตัวละครดริสส์ที่เรื่องจริงนั้นไม่ใช่คนผิวดำแต่อย่างใดเลย ในขณะที่ตัวหนังเป็นคนผิวดำอย่างเห็นได้ชัดจนเริ่มเห็นแล้วว่าหนังเรื่องนี้ต้องการนำสิ่งที่คนขาวไม่ชอบมารวมเอาไว้ให้แสดงถึงว่า”ทำไมเราต้องเกลียดไอ้มืดด้วย”
สำหรับบางคนไม่คิดอะไรแต่ในชีวิตจริงยังอุตส่าห์มีอคติแบบนี้อยูาในสังคมไม่มากก็น้อยจนสังเกตได้ว่าในหนังเรื่องอื่นๆมักส่งผลให้ตัวละครผิวดำทั้งหลายเป็นอะไรที่เข้าหาทางลบซะมาก ตัวอย่างหนังสยองขวัญที่มักพาคนผิวดำตายบ่อยๆโดยใช่เหตุ หรือจะอีกหลายๆแนวอย่างพวกจารกรรมที่วางว่าเป็นตัวร้ายน่าสงสัยบ้าง ซึ่งในหนังกับชีวิตอาจแตกต่างกันมาก ทว่าเพราะหนังนี่แหละที่ถูกดัดแปลงมาจากชีวิตบ้างแล้วส่วนหนึ่งและมุมมองเช่นนี้ยังคงมีอยู่เพียงเพราะความแตกต่างกันแค่เรื่องผิวเป็นสาเหตุเท่านั้น
รีวิว The Intouchables
สำหรับ The Intouchables ได้แสดงสิ่งที่คนผิวดำกระทำออกมาว่าพวกเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลย แม้ผิวจะบ่งบอกถึงความเป็นด้านมืดแต่กับใจนั้นอาจถึงขั้นขาวยิ่งกว่าคนผิวขาวเสียอีก นับว่าประเด็นที่แอบหยิบยกมาซึ่งๆหน้านั้นกลายเป็นผลลัพธ์ที่น่าสนใจและเป็นคำตอบที่ดีได้ตลอดทั้งเรื่อง กลับมาเข้าเรื่องกับความสัมพันธ์ระหว่าง ฟิลิปป์กับดริสส์ที่แรกๆอาจไม่ลงรอยกันเท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายต้องมาดูแลอยู่อาศัยอีกฝ่ายซึ่งความแตกต่างกันด้วยฐานะ
ทำให้ดริสส์กลายเป็นบ้านนอกเข้ากรุงยังไงอย่างนั้น กระนั้นเหมือนเจ้าตัวจะเข้าใจดีว่าการได้อยู่ที่หรูๆแสนอ ลังการอะไรนั้นไม่ใช่เป้าหมายหลักที่ตัวเองมาที่นี้เพื่ออาศัยกับคนรวย แต่เป็นการมาดูแลผู้ป่วยที่ยังอยากมีชีวิตต่อไปเพียงแค่ไม่สามารถพึ่งตัวเองได้อย่างคนอื่นๆที่ครบ 32 ประการ และด้วยความที่ว่าดริสส์เองไม่ได้จบหรือมีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยโดยตรงแต่อย่างใด
จึงเสมือนครูพักลักจำจากการเอาประสบการณ์ที่ได้ตรงหน้ากันแบบสดๆร้อนๆ จนทำให้ฟิลิปป์แปลกใจที่ว่าคนที่ไม่น่าทำได้และอยู่เกิน 2 อาทิตย์เช่นเขาจะมุ่งมานะพยายามปรับตัวจนเขาเองเป็นฝ่ายที่ต้องปรับตัวแทน ซึ่งการปรับตัวของฟิลิปป์คือการทำให้ทุกคนเชื่อใจว่าดริสส์คือชายผู้เป็นอย่างคนธรรมดาทั่วไปเพียงแค่ว่าเป็นผิวสีเท่านั้น และเพราะเขาคนนี้แหละที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้นจนใครต่อใครไม่น่ามีวันทำความรู้สึกเช่นนี้ได้ ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

ในบรรดาผู้สมัครหลายสิบ เขาถูกชะตาเลือกมาแค่คนเดียวคือดริสส์ ผู้ที่นอกจากไม่มีความรู้ทางการพยาบาลคนป่วย ไม่มีจิตเมตตาอารีแล้ว น่าจะชอบตบเด็ก เตะหมา ด่าพระมากกว่า แถมยังเป็นเซเนกัลผิวสี เพิ่งพ้นคดี ปัจจุบันตกงาน อนาคตไม่รู้ แต่ฟิลิปป์ก็เสนอให้ทดลองงานหนึ่งเดือน แม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากทำเท่าไร

ทั้งพื้นเพและสารร่างที่ต่างกัน เลยเกิดเสียงคัดค้านมากมายจากเครือญาติ ว่าคิดดีแล้วถูกไหมที่จะเอาหมอนี่มาดูแลใกล้ชิด ยังงี้คนในบ้านไม่ต้องคอยกอดกระเป๋าตัวเองตลอดเวลาเลยรึ แต่นั่นแหละ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ท่ามกลางความขลุกขลัก ทั้งคู่ก็ปรับตัวเข้ากันได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงเดือน

In Intouchables ทำให้รู้สึกอมยิ้ม กับความอบอุ่นได้ตลอดเวลา ทั้งการเล่นมุขตลกที่สอดแทรกเข้าไปในเนื้อหาของเรื่อง ซึ่งแม้ในยุคปัจจุบันนี้ ก็ยังมีการแบ่งแยกฐานะ รวยจน คนดำคนขาวกันอยู่ แต่หนังเรื่องนี้กลับผสมผสานของคนต่างขั้ว ออกมาได้อย่างลงตัวพวกเค้าต่างกันมาก แต่ก็ใช้ชีวิตร่วมกันได้ สนิทสนมกันมาก ในส่วนเบื้องลึกของชีวิตแต่ละคน ก็น่าสนใจ และเก็บรายละเอียดได้ดี

แน่นอนว่าการมีพล็อตเรื่องซ้ำๆซากๆอาจไม่มีอะไรให้น่าดึงดูดอะไรมากเพราะสุดท้ายการดำเนินเนื้อเรื่องยังคงเดาได้เสมอ กระนั้นถึงเราจะรู้ว่าทิศทางของเรื่องจะลงเอยเช่นไรแต่เคยถามตัวเองไหมว่าเวลาได้รับสิ่งที่หวังแล้วมันกินใจนั้นรู้สึกดีแค่ไหนบ้าง และเช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างสดใสบวกกับความเรียบง่ายแสนธรรมดาที่ให้อารมณ์ความรู้สึกที่เชื่อใจกันแบบซื่อตรงไร้มลทินใดๆเลย
ด้วยการเล่าเรื่องเองก็ใช่ว่าจะมีมุมมองมิติทางด้านเดียวระหว่างดริสส์กับฟิลิปป์ซะเมื่อไร เพราะยังมีรายละเอียดปลีกย่อยลึงลงไปอีกของแต่ละคนว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อะไรบ้าง อย่างดริสส์กับชีวิตที่ไม่น่ารื่นรมย์แต่อย่างใดเพียงเพราะเขามีสภาพครอบครัวที่ยากเข็ญจากการเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวที่มากเกินไปจากรายได้จากคนเดียวคือแม่ (Salimata Kamate) กระนั้นดริสส์เองไม่อยากทำให้ภาระหนักขึ้นเกินไปจึงได้ออกจากบ้านเที่ยวหางานไปเรื่อยๆจนมาได้งานฟิลิปป์แล้วดริสส์จึงกลับบ้านหาหน้าครอบครัวด้วยความเข้าใจที่ว่า”หนูได้งานแล้วนะ” ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์
ทว่าแม่ของดริสส์ไม่ได้รู้สึกดีใจตามน้ำเช่นนั้นเพราะยังเสียใจที่ดริสส์หนีออกจากบ้านแล้วกลับมาพร้อมกับงานเท่านั้น สุดท้ายดริสส์โดนไล่ออกจากบ้านด้วความโกรธ แต่เขายังคงตั้งหน้าตั้งใจใช้ชีวิตกับงานต่อไปคล้ายไม่เคยเจอเรื่องหนักสาหัสใจเพราะเชื่อว่าการเจอกับสิ่งร้ายๆนั้นได้เราต้องรู้จักมองโลกในแง่ดีให้เข้าใจตามไปด้วย บางทีการที่ดริสส์กลับมาบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระนั้นอาจเป็นเรื่องที่ดีต่อครอบครัว แต่กับแม่นั้นอาจไม่อยากให้ลูกที่เติบโตแล้วมารับความลำบากในส่วนนี้ก็ได้
 ถึงแม้ชีวิตครอบครัวของดริสส์จะลำบากและถูกทอดทิ้งขับไล่จากบ้านจนน่าเจ็บปวดใจแค่ไหนก็ยังไม่เลิกเป็นห่วงคนในครอบครัวที่เฝ้ามองอยู่ห่างๆพร้อมจะช่วยแก้ไขให้ออกมาดีขึ้นบ้าง ซึ่งนี้อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่เจอเรื่องร้ายแต่อยู่ได้อย่างไม่สิ้นหวังเพราะมาจากมองโลกในแง่ที่ดีกว่า ไม่คิดว่าอะไรที่แย่มันต้องแย่ไปทุกเรื่อง จนนั้นน่าเป็นสาเหตุที่ฟิลิปป์รับดริสส์เข้ามาเป็นเป็นคนดูแลอันแสนแตกต่าง ขณะเดียวกันเพราะฟิลิปป์ทำให้ดริสส์ลดความกระด้างในจิตใจลงด้วยศิลปะได้อย่างน่าฉงนใจ
ทีนี่ลองมาเข้าเรื่องกับฟิลิปป์ผู้มีเก้าอี้ไฟฟ้าเป็นเครื่องทุ่นแรงกันบ้างกับชีวิตอันแสนสงบสบายไร้ข้อกังวลเรื่องทรัพย์สิน แต่ไฉนคนๆนี้ยังรู้สึกว่าขาดคนรู้ใจอย่างที่เป็นอยู่และคนนั้นคือเพื่อนมิตรแท้ที่ไม่ต้องการอะไรนอกจากคำว่ารู้จักกันและกันแล้วพร้อมจะช่วยแบบไม่หวังอะไรเลย จะเห็นว่าตอนที่ดริสส์เข้ามาเป็นวันแรกก็ได้เห็นหมดพยาบาลกำลังจัดระเบียบดูแลอยู่ก่อนคล้ายกับว่าไม่จำเป็นต้องหาผู้ช่วยยังได้ ถ้าสังเกตให้ดีคือทำไมหมอพยาบาลต้องใช้เครื่องปิดหูจากดนตรีคลาสลิคที่ดังก้องห้องด้วยล่ะ คำตอบคือพวกเขาไม่คิดว่าดนตรีเหล่านี้จะเหมาะแก่การรับฟังได้นานเพียงเพราะมันเพราะหรืออยากฟัง
แค่อยากทำงานตรงนี้ให้จบเพื่อความเบาสมองเบาหู ส่วนดริสส์ไม่ได้สนใจในทำนองเพลงอะไรเหล่านี้มากนอกจากเข้าใจว่ามันคงเป็นสิ่งที่ฟิลิปป์ชอบ ซึ่งดริสส์จะค่อยๆซึมซับในส่วนนี้จากฟิลปป์ทีละเล็กทีน้อยด้วยการเข้าถึงคำว่าศิลปะที่เริ่มเรื่องจากการมองภาพ มีอยู่ฉากที่ฟิลิปป์มองภาพที่ดริสส์ลงความเห็นอย่างลวกๆว่ามันแค่ภาพที่ทำสีหกเท่านั้นไม่ได้รู้สึกว่าจะแลดูสวยมีรูปมีร่างให้น่าสนใจอะไรเลยสักนิดเดียว แถมอะไรอีกกับราคาที่สูงใช่ย่อยจนน่าแปลกใจว่าทำไมมันมีราคาสูงได้ล่ะ ในจุดนี้ฟิลิปป์ไม่ได้บอกอะไรตรงๆว่า

รีวิว The Intouchables

เพราะอะไรนอกจากปล่อยให้ดริสส์ลองไปคิดรู้สึกเอาที่หลังว่าศิลปะนั้นเปี่ยมด้วยอารมณ์ที่ลงรายละเอียดไว้มากมายทั้งหนักและอ่อน ไม่ต่างกับชีวิตที่มีจุดที่แข็งกระด้างและอ่อนไหว ฉะนั้นแล้วผู้ชมจะได้เห็นความแตกต่างในส่วนของดริสส์ที่เริ่มลดความกระด้างในใจมากขึ้นจากแต่ก่อนด้วยการนำศิลปะมาใช้ซึ่งเจ้าตัวลงมือจับพู่กันวาดรูปด้วยศักยภาพที่ตัวเองทำได้จนฟิลิปป์ยังต้องแปลกใจว่าคนนี้ก็รู้จักศิลปะกับเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงเสมือนเพื่อนที่รับรู้และเข้าใจในห้วงคำนึงอีกฝ่ายด้วยการเข้าใจซึ่งกันและกัน จะเรียกว่าเป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเราคงไม่ผิด อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี
สิ่งที่น่าสนใจคือนักแสดงทั้งสองมีอะไรหลายอย่างดึงดูดเข้าหากันราวกับไม่ใช่การแสดงแต่มันคือเรื่องจริงอันแสนอบอุ่นระหว่าง Francois Cluzet กับ Omar Sy ไม่รู้ว่าทั้งสองเข้าหากันได้ยังไงเพราะช่วงแรกรู้สึกแปลกๆเหมือนขาวกับดำที่ย่อมมีบาดหมางหาเรื่องกันเข้าสักวันหนึ่ง แต่พอมารับชมตลอดทั้งเรื่องราวกลับไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรที่แตกต่างนอกจากเราคิดไปเองทั้งสิ้นด้วยอคติของสิ่งที่เรียกว่า”ความแตกต่าง”
สังคมมีจุดที่เหมือนกันคือค่านิยมของตัวเองเพียงแค่ทำให้เหมือนกันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งกับสังคมนั้นได้ แล้วเมื่อไหร่ที่เราคิดแตกแขนงอกมาเท่ากับเป็นความแตกต่างทันที เห็นได้ชัดว่ามีคนชี้แนะให้ฟิลิปป์เลิอกจ้างดริสส์ให้มาดูแลเพียงเพราะจุดที่แตกต่างจากคนทั่วไป แล้วจะทำไมในเมื่อฟิลิปป์คิดเสมอว่าว่าเขาไม่ใช่คนใช้ที่ต้องออกคำสั่งตามค่าจ้างเพราะนี่คือเพื่อนที่พร้อมทำตามที่ขอไม่ใช่บังคับทำเพียงเพื่อเงิน
ด้วยการแสดงของทั้งสองเป็นอะไรที่เคมีเข้าหากันอย่างบรรยายไม่ถูก ถ้าถามว่าเพียงสองท่านเท่านั้นอย่างงั้นเหรอ ก็จะตอบว่าไม่เพราะยังมีนักแสดงอีกหลายคนที่มีส่วนทำให้หนังดูมีมิติมากขึ้น อาทิ Audrey Fleurot ในบทเลขาสาวที่ดริสส์ชอบส่งสายตาหวานเป็นประจำ และ Anne Le Ny กับบทบาทประหนึ่งผู้ดูแลฟิลิปป์อีกคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ช่วยสอนให้ดริสส์ได้รู้วิธีทำดูแลฟิลิปป์ยังไงบ้าง
โดยทั้งสองในเรื่องต่างมีบทบาทสำคัญช่วยทำให้เนื้อเรื่องมีจุดที่สนุกและกลมกล่อมกับความเป็นกันเองที่โลกนี้ไม่ได้มีแค่สองเรากับคนปกติและคนพิการ ไม่ใช่แค่นักแสดงที่ช่วยเพิ่มมิติให้ดูแสนอบอุ่นเพียงเรื่องตัวละครหรือเนื้อเรื่องหลายมุมมองแต่ยังมีมุขตลกที่เป็นตลกร้ายแต่ร้ายในที่นี่คือการบำบัดเพิ่มภูมิต้านทานให้มีจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้น อย่างเช่นฉากฟิลิปป์ขอขนมเม็ดช็อกโกแลตที่ดริสส์กำลังกินอยู่ ทว่าดริสส์บอกให้ยื่นมือมาเอาสิ ประโยคนี้ถ้ากับใครคงไม่มีปัญหาเท่าฟิลิปป์ที่ตั้งแต่ช่วงคอลงไปไม่สามารถขยับได้แล้วดริสส์ก็รู้แก่ใจดีว่าการยื่นมือไปรับขนมช็อกโกแลตเป็นเรื่องเพ้อฝันจนฟิลิปป์ยังรู้สึกตกใจกับประโยคนี้ที่างผลสะเทือนใจชนิดแทงใจดำ ถึงแบบนั้นใช่ว่าดริสส์จะตั้งใจพูดซะเมื่อไหร่เพราะเขาเองยัง
อธิบายด้วยว่ามันเป็นมุขเป็นตลกร้ายประมาณว่าคุณขยับไม่ได้แต่ผมให้คุณยื่นแขนมารับแต่เผอิญลืมไปว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้ หรือจะฉากโกนหนวดโกนเคราให้ฟิลิปป์ที่เหมือนจะโกนแล้วเสร็จแบบหมดจดแต่ใช่ที่ไหนเพราะดริสส์เล่นแกล้งแต่งรูปทรงจนน่าตลก วิธีนี้อาจจะทำให้เจ้าตัวรู้สึกไม่ดีเมื่อรับฟังหรือถูกกระทำเพราะเป็นเรื่องสะเทือนใจอยู่บ้าง ถ้าเกิดเจ้าตัวรับรู้ได้ว่านี่คือตลกร้ายที่มีไว้เผชิญหน้าแล้วก็เหมาะกับการฟื้นฟูเพราะช่วยให้การมองโลกแง่ร้ายๆกลายเป็นดีได้โดยง่าย
ในสังคมไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่คนเดียวได้อย่างตลอดชีวิตเพราะสิ่งสำคัญคือปัจจัย 4 ที่ล้วนแล้วเกิดจากเกื้อกูลของคนหลายคน บางครั้งการอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ยุ่งกับอาจเป็นทางเลือกเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายได้ ทว่าอย่าลืมว่าความเหงานั้นเกิดขึ้นได้เสมอและเมื่อเกิดเรื่องคราวจำเป็นใครจะมาช่วยเหลือได้ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่รู้จักคบหา
สำหรับเพื่อนนั้นอาจจะหาง่ายในหมู่สังคมที่มากหน้าหลายตาแต่เพื่อนแท้หายากที่สุดเป็นหนึ่งมิตรชิดใกล้ที่ไม่ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหนถ้าพร้อมก็จะพร้อมไปด้วยกันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแน่นอน ดูได้จากการกระทำของดริสส์ที่กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่โดยสมบูรณ์เพราะฟิลิปป์ ในขณะที่ฟิลิปป์เองยังได้รู้จักโลกที่ตัวเองไม่เคยได้เจอเพราะดริสส์ แล้วจะมีอะไรซาบซึ้งไปกว่าคำว่าเพื่อนรู้ใจล่ะ ดูแล้วอยากจะร้องไห้เบาๆกับมิตรภาพทั้งสองจริงๆ

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

จากข้อมูลของ IMDb “The Intouchables” ได้สร้างสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศทุกประเภท ซึ่งเป็นภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส และภาพยนตร์อันดับหนึ่งสำหรับปี 2012 ในเยอรมนี ดังนั้น เนื่องจากสายเลือดที่น่าประทับใจมากนี้ ฉันจึงอาจคาดหวังมากกว่านี้อีกเล็กน้อย นี่ไม่ใช่การบอกว่ามันเป็นหนังที่แย่ แต่มันวิเศษมาก มันดูไม่ค่อยวิเศษเท่าไหร่ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะได้เห็น ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

 

สำหรับโครงเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวในชีวิตจริงของชายอัมพาตครึ่งซีก (François Cluzet) เพื่อค้นหาผู้ช่วยคนใหม่ อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่สมัครงานดูเหมือนเหมือนกัน น่าเบื่อและเป็นหมัน ท่ามกลางความสนุกสนานแปลก ๆ เขาเลือกชายที่ไม่มีคุณสมบัติซึ่งดูเหมือนไม่สนใจงานนี้เลย (โอมาร์ ซี) และน่าแปลกที่พวกเขาสร้างมิตรภาพที่ดูเหมือนจะเสริมสร้างสุภาษิตโบราณที่ตรงกันข้ามดึงดูด

แม้ว่าพล็อตเรื่องจะบางอย่างน่าอัศจรรย์และดูเหมือนว่าจะไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของเรื่องราว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เชี่ยวชาญในหลายด้าน การแสดง (โดยเฉพาะ Sy) นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นคือศิลปะของตัวหนังเอง ต้องใช้เรื่องราวที่ค่อนข้างธรรมดาและสอดแทรกเข้าไปในชั้นเรียน ซึ่งรวมถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมและเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ไพเราะที่สุดเพลงหนึ่งที่ฉันเคยได้ยินมา เป็นหนังที่น่ารัก

ละครตลกจากฝรั่งเศสเรื่อง Philippe (Francois Cluzet) มหาเศรษฐีที่คอเป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุ และ Driss (Omar Sy) ชายจากสลัมที่ไม่ค่อยมีอะไรเกิดขึ้นในชีวิต จนกว่าจะได้งานดูแลคนพิการ THE INTOUCHABLES ได้ทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศไปทั่วโลก แต่ฉันตัดสินใจที่จะอยู่ห่างจากมันเพราะมีคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างอุ่น ฉันดีใจอย่างแน่นอนที่ตัวอย่างภาพยนตร์บอกให้ฉันไปดู

เพราะไม่ว่านักวิจารณ์จะพูดอะไร นี่ก็เป็นผู้ชนะโดยสมบูรณ์ และเป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นว่าทำไมคนจำนวนมากถึงตกหลุมรักมัน ฉันไม่แน่ใจจริงๆ ว่าทำไมนักวิจารณ์จำนวนมากถึงได้ตำหนิการเป็น “ผู้ชนะจากฝูงชน” หรือ “มีความสุขเกินไป” เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเลย ฉันคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างน่าทึ่งเพราะฉากพรีเครดิตนั้นน่าประทับใจและตลกมากจนคุณอดไม่ได้ที่จะตกหลุมรักตัวละครทั้งสองนี้ และการเดินทางของมิตรภาพของพวกเขาที่ตามมานั้นน่าประทับใจอย่างไม่น่าเชื่อ และที่ดีที่สุดคือ มันให้ความรู้สึกเหมือนจริง ต้องให้เครดิตมากมายกับลีดสองคนที่แสดงผลงานที่โดดเด่น

และฉันยินดีที่จะเดิมพันว่าคุณจะไม่ได้เห็นดีขึ้นจากใครเลยในช่วงที่เหลือของปี ถ้าใช่ ให้เครดิตใครดีกว่ากัน Cluzet และ Sy เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในบทบาทของพวกเขาจนคุณรู้สึกราวกับว่าคุณกำลังดูคนจริงๆ ที่มีปัญหาจริงๆ วิธีการเล่นสองคนนั้นน่าทึ่งมาก เมื่อคุณได้เห็นแล้ว ฉันจะไม่ลืมเลยว่าคุณลืมพวกเขาไปได้อย่างไร ผู้กำกับ Olivier Nakache และ Eric Toledano ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการปรับสมดุลความตลกขบขันกับละคร

และในท้ายที่สุดพวกเขาก็สร้างบรรยากาศที่พิเศษมากจนเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ตามทัน THE INTOUCHABLES เป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งแห่งปีอย่างไม่ต้องสงสัย และหวังว่าคำพูดจากปากต่อปากที่แข็งแกร่งจากทั่วโลกจะทำให้ผู้คนเข้ามาดูมากขึ้น

นี่เป็นภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่ให้ความรู้สึกดีซึ่งเต็มไปด้วยแบบแผนทั้งหมดที่สร้างจากเรื่องจริง ฉันจะไม่ให้คะแนนเรื่องจริง แต่มันยืนเป็นหนังได้อย่างไร? Philippe เป็นเศรษฐีเงินล้านที่เป็นอัมพาตครึ่งตัวสูงอายุในปารีส และเขากำลังสัมภาษณ์ผู้ดูแลส่วนตัว Driss เป็นชาวแอฟริกันที่หยิ่งผยองซึ่งกำลังสัมภาษณ์เพียงเพื่อขอลายเซ็นสำหรับแบบฟอร์มความช่วยเหลือทางสังคมของเขา

ตัวละครเป็นแบบแผนอย่างแท้จริง เหนือสิ่งอื่นใด ฉันไม่ชอบตัวละครทั้งสองเป็นพิเศษ ฟิลิปป์ไม่ตื่นตระหนก แต่อัมพาตของเขาจำกัดการแสดงของเขาจริงๆ ดริสเป็นคนหยิ่งผยองโดยไร้เหตุผล เพิ่มครอบครัวผู้อพยพขนาดใหญ่ที่โปรเฟสเซอร์และคุณมีนักธุรกิจข้างถนนมาตรฐาน

 

รีวิว The Intouchables

 

เมื่อ Driss วาดภาพ ทุกคนก็ประหลาดใจ ทำไม? ไม่รู้คนดำวาดไม่ได้ ชาวฝรั่งเศสเหยียดเชื้อชาติและเพิกเฉยจริงหรือ? ผู้ชายตัวจริงที่ตัวละครนี้มีพื้นฐานมาจากชาวมุสลิม นั่นน่าจะเป็นตัวละครในเชิงลึกที่น่าสนใจมากกว่าการ์ตูนล้อเลียนง่ายๆ มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมเกิดขึ้นได้ครั้งหนึ่ง ดริสส์ขโมยไข่ฟาแบร์เชจากฟิลิปป์ เมื่อฟิลิปป์พูดถึงเรื่องนี้ มีหลายวิธีที่อาจเป็นไปได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกสิ่งที่น่าสนใจน้อยที่สุด ที่บ่งบอกถึงภาพยนตร์ทั้งหมด ฉันไม่ได้เกลียดหนัง ฉันแค่ไม่มั่นใจ ไม่เกิน 6/10 แน่นอน มันบ้าที่นี่คือ 10 ในการให้คะแนนของทุกคน

ฉันรู้สึกประหลาดใจกับ Untouchable ฉันไม่คิดว่าภาพยนตร์ฝรั่งเศสเกี่ยวกับอัมพาตครึ่งซีกที่ร่ำรวยและผู้ดูแลกรรมกรผิวสีของเขาจะเป็นหนังตลก ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยประเด็นเรื่องเชื้อชาติ วัฒนธรรม และชนชั้น

Francois Cluzet ที่ดูเหมือนอดีตแชมป์โลก F1 Nigel Mansell รับบทเป็น Phillipe ขุนนางหญิงม่ายผู้มั่งคั่งที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์แบบปารีสที่สวยงามจนเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมาในอุบัติเหตุร่อนร่ม เขาต้องการการดูแลตลอดเวลาและไม่มีใครอยู่ได้นาน

Philippe พบกับ Driss (Omar Sy) ซึ่งเป็นชาวเซเนกัล เขาเพียงเข้าร่วมการสัมภาษณ์งานเพื่อรับลายเซ็นเพื่อที่เขาจะได้รับผลประโยชน์กรณีว่างงาน แม้จะเป็นอาชญากรเพียงเล็กน้อย แต่ฟิลิปป์ชอบความไม่คารวะและความกระตือรือร้นและจ้างเขา

Driss มีร่างกายที่แข็งแรง แต่เขาก็ทำให้ Philippe มีชีวิตขึ้นมาได้ในขณะที่เขาขับรถเร็วคันหนึ่งของ Philippe แทนที่จะเป็นรถตู้ที่เป็นมิตรสำหรับผู้พิการดัดแปลง การขาดความอับชื้นของ Driss เป็นสิ่งที่ Philippe ต้องการอย่างแท้จริง

Untouchable เป็นบัดดี้คอมมาดี้รู้สึกดีของชายสองคนจากเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันที่ผูกพัน มันเป็นเรื่องที่เรียบง่ายโดยอิงจากข้อเท็จจริงจริง แม้ว่าผู้ดูแลในชีวิตจริงจะเป็นชาวอาหรับฝรั่งเศส เป็นภาพยนตร์ที่มีส่วนร่วมมากพอแม้จะมีแบบแผนก็ตาม มีฉากหนึ่งที่ Driss ขโมยไข่ Faberge ที่ภรรยาผู้ล่วงลับมอบให้ Phillipe

ภาพยนตร์เรื่องนี้ตัดสินใจที่จะใช้ความรู้สึกของ Earth, Wind and Fire ช่วยให้ดาราทั้งสองมีเคมีที่เข้ากันได้ง่าย หากชื่นชอบการรีวิวของเรา สามารถติดตามการรีวิวของเราได้ที่นี่  เว็บรีวิวหนัง