รีวิว Precious (2009)

 

 

รีวิวหนังชีวิต จากคำโปรยในเอ็นทรี่นี้ เชื่อว่าทุกคนที่คลิกเข้ามาคงต้องการความกระจ่างจากข้อความที่ว่า “หนูท้องกับพ่อมีลูกกัน 2 คน” มันเป็นอย่างไรคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างนั้นหรือ ข้อความดังกล่าวคือสิ่งแรกที่ทำให้ผมได้รู้จักหนังเรื่อง Precious: Based on the Novel Push by Sapphire หนังที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของแซปไฟร์ในปี 1996 เรื่อง Push ที่ไปกวาดรางวัลมาแล้วทุกเวทีไม่ว่าออสการ์ ลูกโลกทองคำ และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้คว้ารางวัลขวัญใจมหาชนจากเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตและซันแดนซ์ในปีเดียวกัน ผมตั้งใจว่าต้องดูหนังเรื่องนี้ให้ได้ หลังจากได้แผ่นดีวีดีมาดูแล้วต้องบอกว่าชีวิตของพรีเชียสตัวละครหลักของหนังเรื่องนี้ มันบัดซบ จริงๆ เลย ดูหนัง

 

รีวิว Precious (2009)
ความบัดซบของชีวิต พรีเชียส สาวอ้วนดำวัย 16 ที่อาศัยในย่านฮาเร็มนิวยอร์ค เริ่มตั้งแต่เด็กที่มักถูกแม่ทำร้ายร่างกาย ตบตีอยู่เสมอๆ และยังถูกพ่อข่มขืนจนมีลูกสาวที่เป็นเด็กออทิสติก ด้วยกันหนึ่งคนขณะที่เธอมีอายุเพียง 12 ขวบเท่านั้นโดยมียายเป็นผู้รับเลี้ยงดูแล ทุกการกระทำระหว่างพ่อกับพรีเชียสแม่ของเธอรับรู้โดยตลอด และในบางครั้งก็ยังแอบเฝ้ามองการกระทำของคนทั้งสองขณะมีเพศสัมพันธ์กันอีกด้วย แต่ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นพรีเชียสยังต้องคอยช่วยบำบัดความใคร่ทางเพศให้กับแม่หากวันใดเธอมีอารมณ์ความต้องการขึ้นมา (หนังเสนอฉากนี้เป็นนัยเท่านั้นช่วงต้นเรื่อง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเหมือนในหนังสือบรรยายไว้ ) ดูหนังออนไลน์
พรีเชียสเป็นเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออกแต่มีทักษะด้านการคำนวณ เวลาอยู่ในชั้นเรียนเธอมักจะนั่งอยู่หลังห้องโดยไม่พูดคุยกับใครและไม่แสดงความคิดเห็นใดๆในชั้นเรียน เธอจะเฝ้ามองอาจารย์หนุ่มหน้าชั้นเรียนและคิดไปว่าอาจารย์กำลังแอบชอบเธออยู่ แล้ววันหนึ่งชีวิตของพรีเชียสต้องพลิกผันเมื่อทางโรงเรียนรู้ว่าเธอกำลังตั้งทั้งลูกคนที่ 2 กับพ่อ เธอถูกขับออกจากโรงเรียน แต่โชคยังดีผู้อำนวยการแนะนำให้เธอไปเรียนในโรงเรียนทางเลือกที่คล้ายกับโรงเรียนการศึกษานอกโรงเรียนในบ้านเรา ที่นั่นพรีเชียสได้พบกับครูเรนซึ่งเปรียบเหมือนแสงสว่างที่เข้ามาจุดประกายในชีวิตเธอ ครูเรนได้หยิบยื่นกำลังใจข้อแนะนำต่างๆให้เธอมีชีวิตอยู่และสู้ต่อไป เธอตัดสินใจออกจากบ้านเดิมมาอาศัยอยู่กับครูเรนเป็นการชั่วคราว
รีวิว Precious (2009)
ครูเรนสอนให้พรีเชียสให้อ่านออกเขียนได้ รู้จักการบันทึกเรื่องราวของตัวเอง กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นในห้องเรียนและไม่ใช่เด็กหลังห้องแบบเดิมอีกต่อไป ชีวิตของพรีเชียสน่าจะดีขึ้น แต่ความบัดซบของชีวิตมันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อแม่ต้องการให้พรีเชียสกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม โดยแจ้งความจำนงผ่านนักสังคมสงเคราะห์ที่ให้เงินสงเคราะห์กับครอบครัวเธออยู่ ฉากการเผชิญหน้ากันของแม่ลูกและนักสังคมสงเคราะห์ตอนท้ายเรื่องเป็นเหมือนการระเบิดความในใจของแม่ที่มีต่อพรีเชียส ชนิดที่คนดูต้องประหลาดใจอย่างยิ่งกับทัศนคติที่แม่หนึ่งคนจะมีกับลูกตัวเองได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ และจากการพูดคุยในวันนั้นพรีเชียสก็เลือกที่จะหันชีวิตให้กับแม่ของเธอโดยไม่คิดจะหวนกลับไปอีก เธอพร้อมก้าวเดินสู้ชีวิตต่อไปกับลูกน้อยอย่างเด็ดเดี่ยว โดยมีเหล่าผองเพื่อนในชั้นเรียนและครูเรนเป็นกำลังใจ แม้ว่าเธอต้องเผชิญกับโรคร้ายที่กำลังคุกคามชีวิตเธออยู่ทุกขณะก็ตาม
ด้วยเนื้อหาหนังที่เข้มข้น หนักอึ้งและเครียดพอสมควร ทั้งผู้กำกับ ลี แดเนียลส์ กำกับหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง และผู้เขียนบท เจฟฟรีย์ เอส เฟลตเชอร์ เขียนบทหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เลือกวิธีการนำเสนอไม่ให้หนังหดหู่มากนัก ทุกครั้งที่พรีเชียสต้องเผชิญปัญหาชีวิต ถูกทำร้ายทางร่ายกายและจิตใจ ผู้กำกับจะตัดภาพในจินตนาการที่เธอฝันว่าตัวเองเป็นคนดัง นักร้อง นักแสดง นางแบบ ที่ใครๆต่างชื่นชมเข้ามา เพื่อลดโทนของหนังไม่ให้ดูโศกเศร้าจนเกินไป บางภาพอาจทำให้คนดูแอบอมยิ้มเล็กๆกับความน่ารักของพรีเชียส แต่พอนึกได้ว่ากำลังยิ้มเยาะกับชีวิตที่สุดแสนรันทดของเด็กสาวคนหนึ่งอยู่คนดูก็ต้องหยุดพฤติกรรมนั้นทันที ผมชื่นชมวิธีการนำเสนอในลักษณะนี้เพราะไม่เป็นการบีบคั้นอารมณ์คนดูให้หดหู่จนเกินไป
รีวิว Precious (2009)
แต่พอถึงช่วงท้ายของหนังภาพจินตนาการเหล่านั้นจะไม่มีให้เห็นเลย ผู้กำกับต้องการให้คนดูได้รับรู้อารมณ์ความรู้สึกจริงๆที่ตัวละครระเบิดอารมณ์ออกมาหลังจากเก็บกดมันไว้อยู่นาน ฉากร้องไห้ของพรีเชียสในห้องเรียนหลังจากชีวิตเดินมาถึงจุดต่ำสุด เธอหมดหวังท้อแท้ไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะเขียนตัวอักษรใดๆลงบนสมุดบันทึก ครูแรนต้องปลุกเรียกพละกำลังในตัวพรีเชียสให้ตื่นขึ้นแล้วลุกขึ้นสู้ชีวิตต่อไปแม้ต้องเผชิญกับปัญหาเลวร้ายเพียงใดก็ตาม ผมเชื่อว่าใครที่ดูฉากนี้คงต้องเสียน้ำตาให้กับเด็กสาวอ้วนดำคนนี้อย่างแน่นอน
อีกฉากหนึ่งที่เรียกอารมณ์คนดูได้ไม่แพ้กัน แต่ไม่ใช่อารมณ์โศกเศร้าแต่เป็นอารมณ์ฉงน สงสัย ประหลาดใจ เมื่อแม่ของพรีเชียสต้องไปพบนักสังคมสงเคราะห์เพื่อถามถึงที่มาความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวว่าเธอรับรู้หรือไม่ คำตอบที่ได้รับผมเชื่อว่าคนดูทุกคนต้องเกิดคำถามในใจ ว่าเหตุใดแม่ถึงคิดกับลูกของตัวเองแบบนั้น หากย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นเรื่องจะเห็นว่าหนังพยายามสอดแทรกเรื่องการศึกษาผ่านตัวละครอย่างพรีเชียส จากเด็กที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ พัฒนาไปสู่เด็กที่สามารถบันทึกเรื่องราวของตัวเองในแต่ละวัน จนกระทั่งสามารถสอบผ่านระดับชั้นมัธยมโดยมีความมุ่งมั่นจะศึกษาต่อถึงขั้นมหาวิทยาลัย เราจะเห็นพัฒนาการด้านความคิดการแสดงออกของพรีเชียสจะเปลี่ยนไปตามการศึกษาที่เพิ่มขึ้น จนที่สุดแล้วเธอก็กล้าที่จะใช้ชีวิตได้โดยลำพัง ขณะที่แม่เธอกลับหวาดกลัวกับการใช้ชีวิตอย่างเดียวดายเมื่อสามีของเธอเสียชีวิตลง ดังนั้นการศึกษาคงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แม่หนึ่งคนสามารถคิดได้ว่า “ลูกกำลังจะแย่งสามีของตัวเองไปจากเธอ” ขณะลูกก็ถูกพ่อบอกอยู่เสมอว่า “พ่อจะเลิกกับแม่แล้วมาใช้ชีวิตอยู่กับลูก”
แกบ โบเรย์ ซิดิเบกับการแสดงครั้งแรกในบทพรีเชียส ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาเธอเหมาะกับบทนี้มากๆ เธอสามารถทำให้คนดูหลงรักเอาใจช่วยตัวละครตัวนี้ ทั้งที่บางมุมเธออาจจะดูไม่น่ามองเท่าไหร่ก็ตาม แต่เธอสามารถถ่ายอารมณ์ที่มีทั้งโกรธ โศก เศร้า เหงาและรักได้เป็นอย่างดี จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมบทเวทีออสการ์ และลูกโลกทองคำ แต่พลาดให้กับ แซนดร้า บลูล็อก ใน The Blind Side ขณะที่ โม’นิก กับบทแม่ที่มีปมอยู่ในใจกับลูกตัวเอง เพราะฉากสุดท้ายของหนังที่เธอระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างสุดฝีมือ ส่งผลให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์, ลูกโลกทองคำและอีกหลายๆเวทีในปีที่ผ่านมา ส่วนมารายห์ แครีกับบทนักสังคมสงเคราะห์ที่หลายคนอาจจะจำเธอไม่ได้หากไม่มีใครบอก เพราะเธอสลัดภาพแทบไม่เหลือความเป็นซุปเปอร์สตาร์อยู่เลยเพื่อมารับบทนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
การศึกษามันคือสิ่งสำคัญเบื้องต้นที่ใช้เป็นเครื่องมือในการยกระดับจิตสำนึกของคน ให้รู้ผิดรู้ชอบ รู้ควรไม่ควรในการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด การที่พ่อหนึ่งคนสามารถมีอะไรกับลูกสาวตัวเองได้และแม่หนึ่งคนสามารถคิดว่าลูกสาวกำลังจะแย่งสามีตัวเองไป มันสะท้อนให้เห็นถึงความเหลวแหลกของคนในสังคมได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อว่าการศึกษาน่าจะมีส่วนช่วยในการยกระดับจิตสำนึกของคนให้สูงขึ้น เพราะคนไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานที่ปราศจากสมอง มันอยู่ที่ว่าคุณจะใช้สมองไปทำในสิ่งใด สิ่งที่เห็นตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ มันคือพวกที่ใช้สมองไปทำในสิ่งที่เดรัจฉานทำ มันเหล่านั้นก็เลยเป็นได้แค่ เดรัจฉานคน ที่สุดแสนจะบัดซบไม่คู่ควรอยู่ในสังคมต่อไป ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อการศึกษาเข้าไปถึงทุกหย่อมหญ้า บนหน้าหนังสือพิมพ์คงไม่มีข่าวของพวก เดรัจฉานคน เหล่านี้ให้อ่านอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี แม้เรื่องราวต่างๆของ Precious น่าจะเป็นหนังที่เครียดจัดการมองโลกในแง่ดี ความไม่ท้อแท้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้น
จนอาจเรียกได้ว่าดูแล้วหดหู่กับชีวิตอันโหดร้ายแต่ทว่าเมื่อทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง หนังกลับเต็มไปด้วยความหวัง

รีวิว Precious (2009)

 

 

ดูหนังฟรี Precious เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการกำลังใจในชีวิต
สำหรับงานเบื้องหน้า Gabourey Sidibe ผู้รับบท Preciousสมราคาที่ได้เข้าชิงออสการ์นักแสดงนำ
แทบไม่น่าเชื่อว่าสาววัย 26 จะแสดงหนังเป็นครั้งแรก
แถมใส่ความเป็นเด็กโง่ สมองทึบในวัยมัธยมได้อย่างไม่ขัดเขิน
ด้าน Mo’Nique ผู้รับบทแม่ใจร้าย ยิ่งแล้วใหญ่
เธอเปิดฉากพลังการแสดงในช่วงต้นเรื่อง-กลางเรื่อง แค่พอให้ผู้ชมตกตะลึงนิดๆ
ก่อนจะปล่อยพลังการแสดงเต็มสูบในช่วง 10 นาทีสุดท้าย …
จนคว้ารางวัลจากสถาบันน้อยใหญ่มาเพียบ
รวมทั้งออสการ์นักแสดงสมทบหญิงอย่างไร้ข้อกังขา
ส่วนอีกสองสาวที่ห้ามลืมกล่าวถึง
รายแรก คือ Paula Patton นักแสดงสาวสวยผิวเข้ม
รับบทคุณครู Rain ผู้เปรียบเป็นแสงสว่างของเด็กๆ (และผู้ชมหนุ่มๆ)
ซึ่งเธอก็แสดงบทบาทให้เราได้รับรู้ถึงความอบอุ่น ความมีเมตตา
และเป็นที่พึ่งของเด็กๆได้จริงๆ
สาวอีกราย คือ เจ๊ Mariah Carey
ในบทบาทนักแสดงสมทบที่แม้ไม่โดดเด่นเท่ากับบทนำคนอื่นๆ
แต่เธอก็ลงทุนสลัดคราบความเว่อร์ในรูปลักษณ์เดิมๆ
กลายสภาพเป็นนักสงคมสงเคราะห์หน้าตาธรรมดาๆ
จนเป็นการแสดงอันน่าจดจำที่สุดของนักร้องสาวบนจอเงิน
นอกจากนี้ยังต้องชมเชยกับกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนทางเลือก
ที่แต่ละคนต่างรับส่งอารมณ์กวนๆ สร้างสีสันให้กับภาพยนตร์ได้โดนใจสาวสก๊อยซ์
ในส่วน 3 ประสาน งานเบื้องหลังนั้น แทบไม่น่าเชื่อว่า เป็นมือใหม่กันทั้งนั้น
เริ่มจาก Lee Daniels ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่มีผลงานเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องที่สอง
หยิบเอานิยายเข้มข้นเรื่องแรก และเรื่องเดียว
ของนักประพันธ์นาม Sapphire มาแปลงเป็นรูปแบบภาพยนตร์
ผ่านการเขียนบทโดย Geoffrey Fletcher ผู้ซึ่งมีเครดิตการทำงานเขียนบทภาพยนตร์เป็นครั้งแรกเท่านั้น
(แต่ก็คว้าออสการ์บทภาพยนตร์ดัดแปลงไปนอนกอดเรียบร้อย)
เว็บดูหนัง Precious: Based on the Novel Push by Sapphire
เป็นเหมือนบันทึกของเด็กสาวอ้วนดำโง่ๆคนหนึ่ง ที่มีประสบการณ์ชีวิตอันแสนเลวร้าย
ทว่าในโลกที่แทบจะไร้หนทางสว่าง เธอก็ยังอดทน
เผชิญสู้อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ครั่นคร้าม

ความคิดเห็นส่วนตัวและ ของเพื่อนๆเรา 

 

ระดับของเนื้อหา 5 ดาวเต็ม หนังดีซะจนถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ ตัวหนังเต็มไปด้วยความเข้มข้นของเนื้อหาที่แสนหนักและเครียดแบบสุดๆ แค่ช่วงแรกของหนังก็ทำให้หลายๆคนดูแล้วปวดหัวตึบๆแล้วล่ะ แถมยังอัดความรู้สึกแบบนั้นมาตลอดทั้งเรื่อง คุณลองคิดดูสิว่ามันจะขนาดไหน
ระดับความสยอง 4 ดาว จะบอกว่านี่ไม่ใช่หนังดราม่าธรรมดา แต่มันแฝงไปด้วยความโหดร้ายรุนแรงในด้านการทำร้ายจิตใจเป็นอย่างมาก สิ่งที่เธอต้องเจอในชีวิตเป็นอะไรที่บัดซบสิ้นดี แต่ทว่าเธอกลับมีกำลังที่จะยืนหยัดต่อสู้ แต่บทสรุปของหนังกลับทำให้คนดูสะเทือนใจเป็นที่สุด เรียกได้ว่านี่คือหนังที่ทำร้ายจิตใจคนดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ
ระดับความน่าดู 5 ดาวเต็มหนังเต็มไปด้วยความเครียดความหดหู่แบบหนักๆ ไม่เหมาะกับคนที่มีสภาวะจิตใจ ไม่พร้อมหรือกำลังสิ้นหวัง เพราะเมื่อทันทีคุณดูหนังเรื่องนี้จบ ความเครียดจะถาโถมใส่คุณทันที เหมือนตัวคุณเองกำลังจมดิ่งในสภาวะที่เป็นอยู่ แต่ขอยืนยันว่านี่คือหนังน้ำดี ที่คุณไม่ควรพลาด
สำหรับการแสดงในเรื่องนี้นั่น ไม่ต้องเป้นกูรูยอดนักวิจารณ์ ทุกคนก้ต้องบอกเมพขิงๆ แสดงได้สวดยอดดด55 อาจจะไม่ใช่การแสดงที่ขั้นเทพ แบบพลิกบทบาทอะไรหรอกครับ แต่เพราะทีมนักแสดงเรื่องนี้ เล่นเป็นธรรมชาติครับพี่น้อง  คือดุแล้วผมรู้สึกว่า เอ้อ มันดูจริง ชีวิตจริงคนเราต้องเป็นเงี้ยแหละ ผมไม่รู้จะสรรเสริญหรือวิเคราะห์อะไรทั้งนักแสดงนำหญิงอย่างน้องอ้วนดำหรือนักแสดงสมทบหญิงอย่าง Mo’Nique ที่รับบทเป็นแม่ใจทมิฬของน้องอ้วนดำอย่างไรนะครับ เอาเป็นเธอทั้งสองดุมีตัวตน ดุมีเลือดมีเนื้อจริงๆ ว่า เอ้อ เหมือนป้าข้างบ้านเราเลยแหะ เอาง่ายๆครับแค่ดาราร้องไห้ในละครกับคนเราร้องไห้ในชีวิตจริงก็ไม่เหมือนกันแล้วครับ ขอบอกว่าการแสดงเรื่องนี้เป้นธรรมชาติมากถึงมากที่สุดครับ
ในเรื่องของเนื้อหา ผมว่าแปลกดีครับ ทั้งๆที่หนังโคตรเศร้าหดหู่เลย แต่หนังมักจะตัดสลับเหตุการณ์จริงกับภาพในฝันของน้องอ้วนดำที่มองโลกในแง่ดีว่า สักวันนึง ฉันจะไปเป็นดาวโดดเด่นบนท้องฟ้า จะไปเป็นดารามหาชนแข่งกะพี่บี๋เดอะสตาร์55 อยู่เรื่อยๆตลอดเรื่อง มันเหมือนกับว่า ถึงชีวิตคนเราจะบัดซบแค่ไหน ถ้าเรายังมีความหวัง ความฝันและมองโลกในทัศนะคติที่ว่า เฮ้ย กูว่าสักวันต้องเป้นวันของกุนะ เฮ้ย กุว่ามันต้องเป้นไปได้นะ ชีวิตคนเราก็ยังอยู่กันต่อได้ครับ ถ้ามีความหวัง ก็มีลมหายใจครับประมาณนั้น
นักแสดงสมทบเรื่องนี้นั่นหน้าตาสวยๆปานนางเอกก้มีน่ะครับ เอ้อ ค่อยยั่งชั่ว โดยเฉพาะคุณครูของน้องอ้วนดำนี่ไปหาดูเลยครับ สวยๆ55  หรือแม้กระทั่งดารารับเชิญอย่าง มาราย แครี่ ใช่แล้วครับนักร้องเสียงสิบแปดหลอดสุดยอดคนนั้นแหละครับ มาเล่นด้วย เธอก็แสดงได้กลมกลืนดีครับ จะสังเกตเห็นนะครับว่าตัวละครส่วนใหญ่ในเรื่อง Precious จะป็นผู้หญิงที่เป็นทั้งตัวเดินเรื่องและตัวเปลี่ยนเรื่องของหนังเกือบทั้งหมด ผมก้ไม่แน่ใจหรอกนะครับว่า ทางทีมสร้างต้องการจะสื่อรึเปล่าว่า สังคมเราทุกวันนี้ เพศหญิงยังเป้นเพศที่ถูกกดขี่อยู่ดีอยุ่วันยังค่ำ ไม่ว่าจะเป็นภาพสะท้อนของพ่อที่ข่มขืนน้องอ้วนดำแทนที่จะมาทำการบ้านกะเมียตัวเองมั้งล่ะ  ไม่ว่าจะเป็นความรักของเลสเบี้ยนหญิงกับหญิง หรือภาพลักษณ์ที่แทนว่าพยาบาลต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น ถ้า**หนุ่มคนไหนเป็นบรุษพยาบาลนี่ เฮ้ย แปลกแล้ว ตุ๊ดเปล่าวะ นาย
เอาเป็นว่าไม่ว่าสังคมไทยเราหรือสังคมไหนๆในโลกอ่ะ ผมว่า เรื่องการเหยียดผิว การแบ่งชนชั้น การกดขี่ทางเพศอะไรพวกเนี่ย ยังมีอยู่ครับ  ตลกดีน่ะครับ เทคโนโลยีเดี๋ยวไปไกลถึงขนาดที่ว่า เราจะคุยกับฝรั่งก็ง่ายแค่ปลายนิ้ว แต่เรื่องผิดชอบชั่วดีอะไรเนี่ย ยังเหมือนเดิม โลกไม่ได้ดีขึ้น มิหนำซ้ำ เห้นจะต้องบอกว่า โลกของเราไปไกลกว่าเหมือนก่อน ใช่ครับ แต่ โลกเราผู้คนก็ยังเหมือนเดิมแหละครับ วู้ พูดจริงจังออกเนื้อเรื่องไปไกลอีกแล้วสินะครับ55
ดูหนังฟรีได้ที่ เว็บดูหนังฟรี