รีวิว Our Planet

“สิ่งที่เราทำใน 20 ปีข้างหน้าจะตัดสินอนาคตของทุกชีวิตบนโลก” คือประโยคสั้นๆ ใน Our Planet สารคดีจาก Netflix ที่อธิบายถึงปัญหาน่าเป็นห่วงในระยะยาว ย้ำให้เรารู้ว่าผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่ทั่วโลกกำลังเผชิญได้เข้าขั้น ‘วิกฤต’ แล้วจริงๆ ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

ผู้เขียนชอบชมสารคดีธรรมชาติ และเป็นแฟนรายการ Planet Earth ทั้งภาค 1 และภาค 2 ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาไปไกล ก็ดูเหมือนว่าสารคดีเหล่านี้จะพาเราให้เข้าใกล้กับความงามของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น แต่บางครั้ง ความงามผ่านสารคดีก็เปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน เพราะมันปิดคลุมปัญหาวิกฤตสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อ้าว! ก็จะไปมีวิกฤตสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร ในเมื่อธรรมชาติ (ที่นำเสนอผ่านทางหน้าจอ) ยังคงสวยสดงดงาม ไม่เชื่อก็ลองเปิดดูสิ

ในอดีต คนทำสารคดีธรรมชาติต่างคิดว่าการนำเสนอวิกฤตหรือปัญหาสิ่งแวดล้อมจะทำให้ผู้ชมเปลี่ยนช่อง แต่ความคิดดังกล่าวอาจเป็นเรื่องล้าสมัยเพราะวิกฤตสิ่งแวดล้อมได้เข้าสู่กระแสหลัก หลายคนกระหายใคร่รู้ที่จะได้ทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ สารคดีที่ฉายภาพให้เห็นถึงปัญหาคงเป็น ‘สิ่งจำเป็น’ สำหรับบางกลุ่มที่ยังสงสัยว่าวิกฤติดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมได้ดูซีรีส์ Our Planet ซึ่งเป็นผลงานสารคดีออริจินอลที่มีคนดูมากที่สุดของเน็ตฟลิกซ์ โดยมีผู้รับชมกว่า 33 ล้านคนในเดือนแรก สารคดีดังกล่าวประกอบด้วย 8 ตอนที่จะพาเราไปสำรวจแต่ละระบบนิเวศของโลกตั้งแต่ดินแดนน้ำแข็งหนาวยะเยือก ป่าหิมะ ใต้มหาสมุทร แนวปะการังชายฝั่ง ทุ่งหญ้า ทะเลทราย ไปจนถึงป่าดิบชื้น บรรยายโดย เดวิด แอตเทนเบอเรอห์ (David Attenborough) นักสารคดีธรรมชาติระดับตำนานในวัย 92 ปี

ดูเผินๆ หลายคนคงมองว่า Our Planet คือภาคต่อของ Planet Earth ภาค 1 และ 2 แต่หากได้ชมเพียงตอนแรก จะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่า ‘สาร’ ที่ต้องการจะสื่อใน Our Planet นั้น ไม่ใช่เพียงความงามหรือคุณค่าของธรรมชาติ แต่เป็นการพาเราไป ‘จ้องตา’ กับผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ต่อสิ่งมีชีวิตในแต่ละระบบนิเวศ

ซีรีส์ตอนแรกเปรียบเสมือนบทนำว่าโลกของเราใบนี้ได้เข้าสู่ยุคใหม่ที่นักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อว่า ‘แอนโทรโพซีน (Anthropocene)’ หรือยุคของมนุษย์ที่กิจกรรมของเรากำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสมดุลทางธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงระบบนิเวศมาเนิ่นนานนับล้านปี สายสัมพันธ์นี้โยงใยกันอย่างแนบแน่น ฝนที่เติมน้ำและแต่งแต้มสีสันให้ทะเลทราย ทรายที่พัดเอาสารอาหารเติมความอุดมสมบูรณ์ให้มหาสมุทร ป่าใหญ่ที่สร้างอินทรียสารให้กับแม่น้ำ สายใยดังกล่าวกำลังโดนทำลายจนเข้าขั้นวิกฤตโดยมนุษย์

Our Planet ฉายภาพความน่ารัก ความงาม และความน่าตื่นใจของธรรมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ทีมงานจำนวนมาก และการทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง วิดีโอหาชมยากของการปะทะบนอากาศของอินทรี วาฬหลังค่อมแม่ลูก โลมาไล่ต้อนฝูงปลากลางทะเล ปักษาสวรรค์เต้นรำเกี้ยวพาราสี มดตัดใบไม้ที่ถูกสิงกลายเป็นซอมบี้จากสปอร์ของเห็ดรา และสารพัดจังหวะที่แสนจะมีชีวิตชีวาของเหล่าสัตว์และพืช มันสวยงามจนยากที่จะทำให้ใครผิดหวัง

แต่ทุกตอนจะจบด้วย ‘ข้อเท็จจริง’ ซึ่งบอกเล่าด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกของ เดวิด แอตเทนเบอเรอห์ แม้ไม่มีประกายของความโกรธเกรี้ยว แต่กลับแฝงด้วยความเศร้าร้าวลึกและความผิดหวังในมนุษยชาติ ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟรี

 

 

ฉากที่สั่นสะเทือนใจผู้ชมมากที่สุดจนบางคนแนะว่าควรขึ้น ‘คำเตือน’ ก่อนชมสารคดีปรากฏในช่วงท้ายของตอนสองที่ว่าด้วยโลกเยือกแข็ง มันคือภาพฝูงวอลรัสนับแสนชีวิตที่รวมตัวกันบริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของรัสเซีย ชายหาดกว้างใหญ่กลายสภาพเป็นชุมชนแออัด ซึ่งในอดีตพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้คับคั่งขนาดนี้เพราะมีแผ่นน้ำแข็งกว้างให้เหล่าวอลรัสนอนพักผ่อน

อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้แผ่นน้ำแข็งดังกล่าวหายไป วอลรัสเบียดเสียดบนชายฝั่งสีน้ำตาลแดง กระทั่งบางตัวต้องถอยขึ้นไปบนหน้าผาชัน เมื่อถึงเวลาหาอาหาร มันก็มุ่งหน้าตามสัญชาตญาณสู่ทะเลจนกลายเป็นโศกนาฏกรรม

โลกส่งสัญญาณที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ออกมาเตือนมนุษย์อยู่บ่อยครั้ง เช่น ข่าวโอคโยคุลล์ ธารน้ำแข็งแห่งแรกในไอซ์แลนด์ที่ละลายจนหมด เหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ของป่าแอมะซอน สถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นปอดของโลก และการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศของนักวิทยาศาสตร์จาก 153 ประเทศ ฯลฯ

หากเป็นเมื่อก่อน หลายคนชอบดูสารคดีสัตว์หรือธรรมชาติเพราะอยากเห็นความงดงามและความน่ารักที่ทำให้เรามีความสุข แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป และมนุษย์ไม่ได้ทำตัว ‘น่ารัก’ กับธรรมชาติและสัตว์ป่าเหล่านั้นเท่าที่ควร

สิ่งที่สารคดี Our Planet นำเสนอจึงกลายเป็นภาพความน่ารักที่แฝงมากับ ‘ความจริง’ ที่ทั้งน่ากลัวและน่าเศร้าที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของพวกเราทุกคน และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เป็นไปได้ว่าเราอาจจะไม่มีสารคดีสัตว์โลกน่ารักให้ดูอีกต่อไป

ในช่วงแรกของ Our Planet จะพาเราไปทำความรู้จักวัฏจักรของธรรมชาติ ตั้งแต่ท้องทะเลก่อให้เกิดเมฆฝน ฝนตกลงบนผืนทรายกลายเป็นสายน้ำ สายน้ำก็ก่อให้เกิดผืนป่าและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต

รีวิว Our Planet

จากนั้นเนื้อหาจะถูกแบ่งออกเป็น 7 ตอนเพื่อขยายภาพของ 7 พื้นที่ทั่วโลก ได้แก่ ดินแดนน้ำแข็งขั้วโลก, ป่าเขา, ป่าดิบชื้น, ทะเลชายฝั่ง, ทะเลหลวง, ทะเลทรายและทุ่งหญ้า และแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งเราจะไม่ได้เห็นเพียงแค่จุดกำเนิด แต่เหมือนกับถูกสารคดีพาเราไปสำรวจ ‘จุดจบ’ ถ้าหากสถานการณ์ยังเลวร้ายเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

การรวมตัวของวอลรัสนับแสนที่มาพักผ่อนบนชายหาดแทนน้ำแข็งทะเลที่ละลายหายไปจากภาวะโลกร้อน (มองผ่านๆ เหมือนน่ารัก แต่ดูแล้วเศร้าสุดๆ), การประมงที่ไม่ยั่งยืน ส่งผลให้แหล่งหาอาหารตามฤดูกาลของสัตว์ทะเลเปลี่ยนแปลง, การปลูกป่าเพื่อเศรษฐกิจที่ไม่ได้รับการควบคุมกำลังทำลายที่อยู่อาศัยของลิงอุรังอุตังและสัตว์ป่าหลายชนิดจนใกล้สูญพันธุ์ ฯลฯ

เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง Our Planet ได้ตั้งคำถามสำคัญที่ว่า ท้ายที่สุดแล้วโลกนี้เป็นของใครกันแน่ คำว่า ‘พวกเรา’ ที่พูดกันอยู่หมายความถึงทุกชีวิตที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์นี้เหมือนกัน

หรือหมายความเฉพาะ ‘มนุษย์’ ที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ อยู่เหนือทุกอย่าง กอบโกยผลประโยชน์เพื่อความสุขสบาย สุดท้ายต้องกลายเป็นสัตว์น้อยใหญ่ต้องมารับผลกรรมทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

นอกจากเนื้อหา ภาพถ่ายทรงพลังที่ทีมงาน Silverback Films ใช้เวลาร่วม 4 ปีในการออกเดินทางมากกว่า 60 ประเทศทั่วทุกมุมโลก อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Our Planet ตรึงใจคนดูได้อยู่หมัดคือเพลงประกอบที่ช่วยสร้างอารมณ์และความรู้สึกในแต่ละฉากเหมือนดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เช่น ฉากการล่าปลาแอนโชวีของนกบูบีกลางทะเลที่มาพร้อมเพลงประกอบเร้าใจเหมือนอยู่ในภาพยนตร์สงคราม

ซึ่งทุกบทเพลงถูกสร้างสรรค์โดย สตีเวน ไพรซ์ ผู้ที่เคยฝากผลงานเพลงไว้ในภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง เช่น Suicide Squad (2016), Baby Driver (2017) และ Gravity (2013) ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาได้สำเร็จ

 

รีวิว Our Planet

 

ถ้าหากภาพยนตร์หลากสาขามีหน้าที่ในการสร้างอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ทันทีที่ดู Our Planet จบลง เราก็รู้ได้ทันทีว่าหน้าที่ของสารคดีเรื่องนี้ไม่ใช่การสร้างภาพโรแมนติกชวนฝัน แต่เป็นการปลุกให้เราตื่นขึ้นมารับรู้ความจริง

ให้เห็นถึง ‘สายใย’ ธรรมชาติที่เชื่อมโยงทั้งผืนป่า ท้องทะเล และสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลกเข้าด้วยกัน ถึงแม้วันนี้เราจะยังไม่ทันรู้สึกถึงภาวะโลกร้อนแบบชัดๆ เพราะบรรดาสัตว์ป่าและพืชพรรณธรรมชาติกำลังรับผลกระทบนั้นแทนพวกเราอยู่

และถ้ายังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่แค่ ‘ตัวเรา’ หรือสัตว์ป่า แต่ยังหมายถึงลูกหลานและเยาวชนยุคต่อไปที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางภาวะโลกร้อนแบบเต็มตัว

และเมื่อถึงวันนั้น พวกเขาอาจจะไม่หลงเหลือสารคดีสัตว์โลกชวนฝันที่สร้างรอยยิ้มให้ทุกครั้งที่ได้ดู มีเพียงสารคดีแห่ง ‘ความจริง’ ที่ตอกย้ำว่าคนรุ่นก่อนได้ทำร้ายและทิ้ง ‘โลก’ ที่มีสภาพแวดล้อมแบบไหนเอาไว้ให้พวกเขาเผชิญ

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

เพลิดเพลินกับการชมภาพยนตร์และโทรทัศน์บน Netflix แต่เมื่อพูดถึงต้นฉบับของ Netflix อัญมณีแปลก ๆ ก็ผุดขึ้นมาทุกขณะ แต่มีภาพยนตร์และโทรทัศน์บางส่วนที่ไม่ได้ทำอะไรมากสำหรับฉันและผู้ที่เริ่ม/เริ่มต้นอย่างมีความหวัง ในบางกรณีอย่างยอดเยี่ยม แต่ลดลงอย่างเลวร้าย ตัวอย่างที่สำคัญคือ ‘House of Cards’ ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

อย่างไรก็ตาม ฉันเป็นแฟนตัวยงของสมบัติของชาติอย่าง David Attenborough เช่นเดียวกับน้องสาวของฉัน และเมื่อได้ยินว่าเขาได้สร้างซีรีส์ใหม่และมันอยู่ใน Netflix เราก็ไม่สามารถปฏิเสธการรับชมได้ งานที่ดีที่สุดของ Attenborough ทั้งเก่าและใหม่ เป็นจุดสังเกตของประเภทและเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อในสิทธิของตนเอง อาชีพของเขามีมานานหลายทศวรรษและมีความสอดคล้องอย่างน่าทึ่ง

ในการที่ผลงานการถ่ายทำที่กว้างขวางของเขานั้นไม่มีเรื่องเหลวไหล งานที่มีข้อบกพร่องมากกว่าของเขาก็ยังดีอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากและเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจย้ำหลายครั้งโดยเจตนา ‘Our Planet’ ทั้ง 8 ตอน เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่เราตั้งตารอคอยมากที่สุด เมื่อได้ชมภาพเหล่านั้น เราถูกตรึงตราตรึงใจด้วยภาพต่างๆ หลงใหลในสัตว์ทั้งหมด

และสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะกัดเล็บ เสียน้ำตา ไปทำอะไรน่ารักๆ หรือแม้แต่หัวเราะ หลังจากดู ‘Our Planet’ เราตกใจ เกิดแรงบันดาลใจ สะเทือนใจ และทึ่งมาก ปีนี้ยังมีไม่กี่รายการที่ทำให้รู้สึกแบบนี้ จนถึงปีนี้ รายการนี้เป็นหนึ่งในรายการที่ดีที่สุดและพิเศษที่สุด และในลีกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อพูดถึงการแสดงของ Netflix แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดหรือแหวกแนวที่สุดแห่งหนึ่งของ Attenborough

‘โลกของเรา’ ไม่ได้เกี่ยวกับสัตว์ในสภาพแวดล้อมที่สวยงามซึ่งถูกทาสีด้วยแสงที่น่ารัก อุ่นใจ และแสงด้านเดียว นั่นคือสิ่งที่ ‘ราชวงศ์’ ที่ยอดเยี่ยมถูกวิพากษ์วิจารณ์ก่อนจะออกอากาศด้วยซ้ำ อย่าคิดว่ามันจะไม่มีอะไรใหม่ บางคนวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีวาระการประชุมและดำเนินการอย่างหนักหน่วง การพรรณนาถึงสัตว์ต่างๆ นั้นยังห่างไกลจากความมั่นใจ บางตัวก็น่ารักและบางตัวก็แหวกแนว

 

รีวิว Our Planet

 

แต่บ่อยครั้งที่การแสดงภาพนั้นซับซ้อนและแน่วแน่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำให้พวกมันดูมีมนุษยธรรมแม้แต่ในความขัดแย้งของมนุษย์ สภาพแวดล้อม/ที่อยู่อาศัยดูรุ่งโรจน์อย่างยิ่ง (“ป่า” เป็นตัวอย่างที่สำคัญ) อย่าพลาดเรื่องนี้ แต่มีอะไรมากกว่านั้นสำหรับพวกเขาที่ไม่ยอมให้อภัยและเปราะบาง “โลกน้ำแข็ง” โดยเฉพาะ

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใหม่ๆ หรือไม่ก็ตาม สภาพแวดล้อม (ป่า อาร์กติก ทะเลทราย ทุ่งหญ้า ฯลฯ) และสัตว์ต่างๆ เช่น เพนกวินและวาฬเพชฌฆาตนั้นคุ้นเคย แต่ก็มีสัตว์หายากบางชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (เช่นใน “ป่า” กับนกที่กำลังบินอยู่) สายพันธุ์ที่คุ้นเคยทำสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนใคร เช่น หนอนผีเสื้อใน “จากทะเลทรายสู่ทุ่งหญ้า” หรือมดใน “ป่า” ตอนแรกอาจดูคุ้นๆ ว่าคุ้นๆ นะ สำหรับผม มีวิธีการที่แตกต่างออกไปในด้านวัสดุ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเทคนิคกล้องที่หลากหลาย ซึ่งคุณจะได้เห็นสัตว์หลายชนิดในระยะใกล้ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น เสือดาวอาหรับและเสือชีตาห์ มันสนิทสนมมาก

ไม่พบการเน้นหนักในเรื่องการอนุรักษ์มากนัก ไม่เหมือนบางท่าน ‘โลกของเรา’ จำนวนมากแสดงให้เห็นทั้งความมหัศจรรย์ของโลกด้วยสายพันธุ์ที่แตกต่างกันทั้งหมดและพฤติกรรมของพวกมัน (ทั้งที่คุ้นเคยและไม่เหมือนใคร) และที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกัน และความเปราะบางของพวกมันเมื่อสภาพแวดล้อมถูกคุกคามและสิ่งที่มนุษย์ทำลายล้างทำ ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง