รีวิว Life Itself

หลังจากที่ได้ ดูตัวอย่างหนังและโปสเตอร์หนังก็ชวนให้เข้าใจว่านี่คือหนังรักที่เล่าเรื่องราวหลายคู่ และมีดาราขายชื่อมาร่วมงานมากมายตามสไตล์ที่เราคุ้นเคยจาก Love Actualy ,  Newyear’s Eve แต่เอาเข้าจริง Life Itself ถึงแม้จะเป็นหนังรัก ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

แต่เป็นการมองความรักในมุมมองด้านลบ ด้านที่ไม่สดใส บรรยากาศหนังจึงออกมาหม่นมาก เนื้อหารุนแรง เต็มไปด้วยน้ำตาและความตายในแบบที่กระชากจิตใจคนดู

หนังเป็นผลงานกำกับเรื่องที่ 2 ของ แดน โฟเกิลแมน ต่อจาก Danny Collins เมื่อปี 2015 แดน เป็นมือเขียนบทที่งานชุกคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด เป็นคนที่เขียนงานได้ทั้งสดใสในสไตล์ดิสนีย์อย่าง Cars 2 , Tangled , Bolt และมุมมองชีวิตแบบหม่น ๆ ใน Crazy, Stupid, Love. , Last Vegas หรือใน Danny Collins ผลงานกำกับเรื่องก่อนหน้าของเขา

ถ้ามองรวมทำให้เห็นได้ชัดว่าแดน เป็นคนที่มีมุมมองชีวิตแบบเข้าใจสัจธรรมชีวิต ที่มักถ่ายทอดออกมาในผลงานเขียนของเขา อย่างตอนที่เขียน Life Itself แดน ก็กำลังลุ่มหลงกับอัลบั้ม Time Out Of Mind

ผลงานเพลงของบ็อบ ดีแลน ศิลปินระดับตำนานที่ออกมาในปี 1997 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่บ็อบ เขียนบทเพลงเหล่านี้ในช่วงที่เพิ่งหย่ากับภรรยาคนที่ 2 เนื้อหาในอัลบั้มนี้จึงเป็นมุมมองความรักแบบหม่น ๆ ที่แดน เองก็ซึมซับแล้วถ่ายทอดออกมาในบทภาพยนตร์ Life Itself อย่างโจ่งแจ้ง

แดน แบ่งเรื่องราวของหนังออกเป็น 5 บท ที่แต่ละบทก็จะมีตัวละครหลักเป็นชื่อของบทนั้น แต่ละบทก็จะมีเรื่องราวของความรักที่ลงเอยด้วยความเจ็บช้ำ เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง แล้วก็ส่งผลต่อกับตัวละครหลักในบทต่อไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าด้วยเนื้อหาที่หม่นและหนักมาก แต่แดนก็มีลูกเล่นในการเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ ทั้งบทสนทนาการต่อปากต่อคำของตัวละคร ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟร

 

 

การเกริ่นนำเข้าเรื่องด้วยลีลาล่อหลอกคนดูว่าจะเป็นเรื่องราวของใคร การใช้เสียงบรรยายของซามูเอล แอล.แจ๊คสัน ที่เล่าตามสไตล์กวน ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ซึ่งแดนเป็นคนไปชักชวนให้ซามูเอล

มาร่วมงานเรื่องนี้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงลูกเล่นด้วยเทคนิกพิเศษทางด้านภาพ ที่ตัวละครในเวลาปัจจุบันเล่าเรื่องราวตัวเองในอดีตแล้วก็พาตัวเองไปเดินวนเวียนในฉากย้อนอดีตด้วย การมอร์ฟฟิ่งหน้าตาตัวละครจากเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่แบบไปช้า ๆ

แต่เนียนกริ๊บ และที่สำคัญคือเรื่องราวของวิล และ แอ็บบี้ ที่เปิดฉากด้วยอาการย่ำแย่ของวิล จากการจากไปของแอ็บบี้แต่เก็บงำถึงสาเหตุการจากไปของแอ็บบี้ ที่มาเฉลยในแบบชวนช็อคแบบ 2 ชั้น

ก่อนดูได้เห็นคะแนน Rottentomatoes ของหนังที่ต่ำเตี้ยติดดินมาก ก็ทำใจเผื่อไว้ในระดับหนึ่ง แต่กับประสบการณ์ที่ได้ชมเองกลับเป็นหนังที่รู้สึกประทับใจเรื่องหนึ่งเลย ด้วยประสบการณ์ยาวนานของแดน ในฐานะมือเขียนบท จึงมีลีลาการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม ทั้งการติดตามบทลงเอยความรักของแต่ละคู่ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่กันคนละซีกโลก

ก็ชวนให้ติดตามถึงจุดเชื่อมโยงของแต่ละคน และแต่ละบทของหนัง ล้วนเป็นองค์ประกอบที่จับคนดูให้อยู่กับหนังได้ในเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ที่คลอด้วยบทเพลงของบ็อบ ดีแลน ที่เปรียบเสมือนอีกตัวละครหนึ่งของหนัง

เพราะบทหนังบรรยายถึงความดีงามของแต่ละเพลงในอัลบั้มนี้ไว้ค่อนข้างละเอียด ชวนให้ดูจบแล้วต้องหามาฟังกันเลย และอีกจุดสำคัญคือความที่บ็อบ ดีแลน เป็นศิลปินที่ถูกยกย่องในการใช้ภาษาที่สวยงามดั่งบทกวี

รีวิว Life Itself

ทางโซนี่ประเทศไทยก็เยี่ยมมากกับการมอบงานแปลซับไตเติ้ลเรื่องนี้ให้กับ จิระนันท์ พิตรปรีชา ที่แปลเนื้อหาความหมายเพลงออกมาในซับไตเติ้ลได้อย่างสวยงามได้ความหมาย ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

อีกองค์ประกอบสำคัญของ Life Itself คือเหล่าดารานำที่แม้ไม่ได้เป็นดาราแถวหน้าค่าตัวแพง แต่เป็นกลุ่มกลาง ๆ ที่มีชื่อเสียงที่คอหนังรู้จัก ฝีมือเชื่อถือได้ ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละคนในเรื่องนี้ล้วนเจองานหนัก มีฉากที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ต่อหน้ากล้องกันบ่อยครั้ง

โดยเฉพาะออสการ์ ไอแซค ที่มาจากสายหนังรางวัลแต่หลัง ๆ ก็ไปได้ดีกับหนังตลาดทุนสูงอย่าง X-Men: Apocalypse , Star Wars: Episode VII , Episode VII

พอได้กลับมารับบทนำเรื่องนี้ก็เหมือนมาตอกย้ำอีกครั้งว่าเขาคือดาราสายเน้นการแสดงแบบจริงจัง คนอื่น ๆ ก็ล้วนทำหน้าที่ได้ดีทั้งที่คุ้นหน้าคุ้นชื่อและบรรดาหน้าใหม่ทั้ง แอนโตนิโอ แบนเดราส , แมนดี้ พาทินคิน , แอนเน็ต เบนนิ่ง และ โอลิเวีย ไวลด์

Life Itself ไม่ใช่หนังรักหวานซึ้งสมหวังนัก แต่เป็นหนังรักที่ใช้มุมมองที่แตกต่างจากที่คุ้นเคย ชี้ให้เรามองความรักด้วยมุมมองที่แตกต่างอย่างเข้าใจ เหมือนอย่างที่ในหนังได้บรรยายความหมายของ Life Itself “

ทุกชีวิตเปรียบเสมือนเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าโดยผู้บรรยายที่ไม่สามารถเชื่อถือไว้วางใจได้ และนั่นก็คือ “ชีวิต” เองนั่นแหละ ทีเป็นผู้นำที่ไว้วางใจไม่ได้ ว่าจะนำเราไปในทิศทางใด” หนังมีหลาย ๆ

ฉากทีพอจะเรียกน้ำตาได้ ไม่ถึงกับเศร้าจนน้ำตาไหลพรากแต่ถ้าต่อมน้ำตื้นก็พอให้น้ำตารื้นได้อยู่เหมือนกัน เป็นหนังรักที่ให้สาระข้อคิดหนัก ๆ มีดีในตัวพอดู อย่าเพิ่งด่วนตัดสินหนังจากคะแนนเว็บนอกครับ

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

วิลล์ เดมป์ซีย์ (ออสการ์ ไอแซค) เป็นนักเขียนที่ดิ้นรนอย่างหนักในนิวยอร์ค ในเหตุการณ์ย้อนหลัง เขาหลงรักแอ๊บบี้ (โอลิเวีย ไวลด์) อย่างมีความสุข Dr. Cait Morris (Annette Bening) เป็นนักบำบัดโรคที่ได้รับการแต่งตั้ง แอ๊บบี้ทิ้งเขาไปเมื่อหกเดือนก่อน และเขาถูกขังอยู่ในสถาบันเป็นเวลาสามเดือนนั้น นั่นเป็นส่วนหนึ่ง ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

การเล่าเรื่องประชดประชันของซามูเอล แอล. แจ็กสันเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจและทำให้ฉันต้องออกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มต้น วิลที่น่าสงสารไม่ช่วย นอกจากนี้ยังไม่ได้ช่วยที่สำนักงานของนักบำบัดโรคจะเป็นสถานที่นิ่งๆ

สำหรับการนั่งให้คนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวแทนที่จะแสดงเรื่องราว ความต้องการของเขาเหนื่อย มีความไร้จุดหมายคดเคี้ยวในภาพยนตร์ที่เหนื่อยพอๆ กัน ฉันหยุดไปหลายสิบครั้งและเริ่มผ่านไปได้สามสิบนาทีแรก ถูกตัอง. ฉันสามารถทำได้ครั้งละสองนาทีเท่านั้น แม้แต่สถิตยศาสตร์ก็เหนื่อย

แอ๊บบี้ยังระบุด้วยว่าผู้บรรยายที่ไม่น่าเชื่อถือนั้นเป็นกลเม็ดเคล็ดลับ เทคนิคอาจทำให้เหนื่อย แต่การพูดถึงกลอุบายที่แสดงบนหน้าจอเป็นสิ่งที่เหนื่อยที่สุด การเล่าเรื่องที่ห่างเหินเป็นเรื่องที่เหนื่อย ฉันไม่ได้สนใจเทคนิคการเล่าเรื่องเสมอไป แต่ฉันไม่ต้องการไตร่ตรองเทคนิคการเล่าเรื่องอย่างวิทยานิพนธ์ของวิทยาลัย ไม่มีอะไรต้องสนใจ

เป็นหนังที่สร้างมาอย่างดีโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ผมหงุดหงิดจนไม่มีจุดสิ้นสุด นั่นคือจุดสิ้นสุดของภาคแรก เมื่อมันดีขึ้นเล็กน้อยเพียงเพื่อกำจัดความหยิ่งยโส เรื่องราวเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดกับครอบครัวใหม่และตัวเลือกการเล่าเรื่องของตัวเอง และฉันไม่สนใจ การเขียนด้วยมือหนักเป็นปัญหาส่วนใหญ่ ฉันสงสัยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ทำเรื่องเดียวกันโดยไม่มีลูกเล่นหรือไม่

 

รีวิว Life Itself

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของบุคคลหลายคนซึ่งชีวิตเชื่อมโยงถึงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สิบห้านาทีแรกทำให้ฉันเบื่อมาก ดังนั้นฉันจึงเข้าสู่เนื้อเรื่องไม่ได้ แม้ว่าในที่สุดมันจะดีขึ้นในช่วงสิบห้านาทีสุดท้ายเมื่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าที่เข้าทาง แต่มันก็สายเกินไปที่ฉันจะชอบมัน

เศร้าเกินไปสำหรับผู้ชมที่เป็นผู้ชาย และก่อนที่เครดิตปิดท้ายจะจบลง ฉันตอบไปว่าสิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายของพวกเขาปฏิเสธชีวิตตัวเองทั้งหมดหรือไม่ เช่น “ฐาน” ขนาดใหญ่ของ “ผู้สนับสนุนหลัก” ของ “Old Scratch” LIFE ITSELF ตั้งอยู่ในโลกที่การถูก “ขับออก” โดยรถประจำทางในเมืองถือเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับผู้หญิง

 

รีวิว Life Itself

 

นั่นคือเหตุผลที่ LIFE ITSELF ได้รับคะแนนสูงสุด “10” LIFE ITSELF หวนกลับไปสู่ช่วงเวลาที่ไร้เดียงสามากขึ้น เมื่อการวินิจฉัยโรคมะเร็งไม่ได้ตัดสิทธิ์ผู้คนจากการมีหลังคาคลุมศีรษะโดยอัตโนมัติ เนื่องจาก “สภาพที่มีอยู่ก่อน” นี้ทำให้การรักษาความปลอดภัยที่พวกเขาต้องพึ่งพาจากกรมธรรม์ประกันสุขภาพเป็นโมฆะ ผู้ชายในชีวิตนั้นยังไม่ได้ประกาศ “เปิดฤดูกาลสำหรับผู้หญิงทุกคน”

และเด็กสาวอายุ 15 ปีคนหนึ่งที่ถูกลวนลามรู้สึกอิสระที่จะยิงคนร้ายของเธอโดยไม่ต้องกังวลว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้รับแต่งตั้งให้เข้าศาลฎีกาสหรัฐ . แม้ว่าเนื้อเรื่องของ LIFE ITSELF จะขยายไปไกลกว่าอเมริกาในปัจจุบัน

แต่ความหายนะของพรรค Pachyderm ที่เหยียบย่ำสิทธิสตรีขั้นพื้นฐานทั้งหมดนั้นไม่มีให้เห็น “ชารี” รู้สึกไม่หวั่นไหวกับการนำเสนอคำ A เป็นตัวเลือกที่ 2 สำหรับการตั้งครรภ์ที่ “ประหลาดใจ” ของเธอ เพราะชีวิตนั้นตั้งอยู่ในกาแล็กซีที่ห่างไกลจากดินแดนเรื่องหญิงรับใช้ที่เราประสบอยู่ในปัจจุบัน

เล่าเรื่องได้น่าติดตาม ผู้กำกับไอเดียล้น ทั้งบททั้งงานภาพ นักแสดงยอดเยี่ยมทุกคน งานแปลซับไตเติ้ลของจิระนันท์ สวยงามมาก อารมณ์หนังกับหน้าหนังน่าจะทำให้คนดูผิดคาด เป็นหนังเฉพาะกลุ่ม สำหรับคนดูที่ชอบดราม่าหนัก ๆ เป็นแนวหนังที่ไม่จำเป็นต้องดูในโรงภาพยนตร์  ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง