รีวิว King Richard

เรียกว่าการมีมาให้ดูกันไม่บ่อยครับ สำหรับหนังชีวประวัติ หรือ Biopic ที่สร้างขึ้นจากชีวประวัติคนดัง และที่สำคัญคือ เป็นชีวประวัติของนักกีฬา แต่สิ่งที่ทำให้ ‘King Richard’ หรือชื่อไทยตรงตัว ‘คิงริชาร์ด’ มีความแตกต่างออกไปก็คือ หนังเรื่องนี้ไม่ได้เล่าชีวประวัติของนักกีฬาเท่านั้น แต่หนังพาเราไปสำรวจเบื้องหลัง บทเรียน และแรงบันดาลใจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จระดับโลกของ ‘วีนัส วิลเลียมส์’ (Venus Williams) และ ‘เซเรนา วิลเลียมส์’ (Serena Williams) ซึ่งเบื้องหลังของเธอทั้งคู่ก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นคุณพ่อผู้เข้มงวดอย่าง ‘ริชาร์ด วิลเลียมส์’ (Richard Williams) นั่นเองดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

ซึ่งโดย ‘King Richard’ ได้นักแสดงเจ้าบทบาทที่เชื่อฝีมือได้อย่าง ‘วิลล์ สมิธ’ (Will Smith) มารับบท ‘ริชาร์ด วิลเลียมส์’ พร้อมควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์ร่วม และได้ ‘เรนัลโด มาร์คัส กรีน’ (Reinaldo Marcus Green)

ผู้กำกับ ‘Monsters and Men’ (2018) มากำกับ และพอออกฉาย หนังเรื่องนี้ก็หวดแรงจนได้เข้าชิงรางวัลออสการ์

ครั้งที่ 94 ประจำปี 2022 มากถึง 6 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (วิลล์ สมิธ เข้าชิงครั้งที่ 3), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม,เพลงประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม,

ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม จากผลงานบทภาพยนตร์ของ ‘แซ็ก เบย์ลิน’ (Zach Baylin) ที่ประเดิมงานเขียนบทหนังใหญ่เป็นครั้งแรก

ทว่า ‘King Richard’ เป็น Biopic ที่เกี่ยวกับกีฬาก็จริง แต่ตัวหนังส่วนใหญ่จะเน้นเล่าไปที่ประเด็นของครอบครัววิลเลียมส์ทั้ง 7 คนที่อาศัยอยู่ในย่านคอมป์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย

ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและยาเสพติดซะมากกว่า ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วย ‘ริชาร์ด วิลเลียมส์’ (Will Smith) คุณพ่อผู้ทำงานเป็น รปภ. กะดึก และ ‘ออราซีน วิลเลียมส์’ (Aunjanue Ellis)

ผู้เป็นภรรยาและแม่ของลูกสาวทั้ง 5 คน ซึ่งประกอบไปด้วยพี่น้องคนสุดท้องอย่าง ‘วีนัส วิลเลียมส์’ (Saniyya Sidney) และ ‘เซเรนา วิลเลียมส์’ (Demi Singleton) และพี่สาวของพวกเธออีก 3 คนเป็นพี่สาวต่างมารดา

วีนัสและเซเรนามีพรสวรรค์ด้านกีฬาเทนนิส พ่ออย่างริชาร์ดจึงทุ่มสุดตัวในการสอน แม้ว่าจะต้องอดนอนกลางวัน โดนนักเลงแถวคอร์ตรุมสกรัม หรือแม้แต่วันที่ฝนตก เพียงเพื่อหวังให้ลูก ๆ ใช้กีฬาในการนำพาตัวเองออกไปจากย่านเสื่อมโทรมและวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ให้ได้

และการที่ด้วยความไม่ย่อท้อ เฟื่องฝัน และทะเยอทะยานของริชาร์ดนี่แหละ ที่ทำให้เขา “วางแผน” เส้นทางการฝีกฝนกีฬาเทนนิสให้กับทั้งคู่ ริชาร์ดพยายามจะเข้าหาโค้ชที่มีฝีมือเพื่อหวังจะปั้นให้ลูก ๆ เก่งขึ้น

แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงการฝึกด้านวินัยเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ลูกทั้งห้าคนอย่างเข้มงวด แม้ว่าบางครั้งจะดูงี่เง่าในสายตาคนภายนอกไปบ้าง ซึ่งพาร์ตความเฟื่องฝันทะเยอทะยานของริชาร์ตนี่ จะว่าไปก็ชวนให้นึกถึง ‘คริส’ ในหนัง ‘The Pursuit of Happyness’ (2006) อยู่เหมือนกันนะครับ แต่ว่าในเรื่องนี้เป็น Evil Version นะ (555)

แม้ริชาร์ดเองจะมีมุมของความเป็นพ่อที่น่ารัก อารมณ์ดี ชอบยิงมุกใส่ลูก ๆ ให้กำลังใจ สั่งสอนและลงโทษลูกด้วยวิธีการละมุนละม่อม เป็นพ่อแบบที่ชอบถามข้อคิดหลังดูการ์ตูนจบ อะไรแบบนั้น

ในแง่ของการฝึกเทนนิส ริชาร์ดเน้นการฝึกที่เคร่งครัดทุกกระเบียดนิ้ว แต่ไม่เอาเป็นเอาตาย ยังให้ความสำคัญกับการเรียน มีวันให้พักผ่อน เล่นสนุกแบบเด็ก ๆ เน้นให้เล่นเทนนิสเพื่อความสนุก แต่เทคนิกก็ต้องเป๊ะ มีน้ำใจนักกีฬา ให้เกียรติฝ่ายตรงข้าม ไม่เอาของใครแบบฟรี ๆ ชนะก็ไม่เหลิง ถึงคราวแพ้ก็ไม่เสียใจนาน แต่ต้องเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมในแมตช์ต่อไปเสมอ

ที่บอกว่าเป็น Evil ก็เพราะว่าริชาร์ดก็คือ “คิง” ดี ๆ นี่เอง เพราะเขาเองเป็นคนพูดตรง พูดมาก เจ้าระเบียบ ดื้อสุดขอบ หุนหันพลันแล่น อีโก้จัด คิดแทนคนอื่นโดยไม่ถามความเห็น และยึดมั่นใน “แผน”

เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองและลูก ๆ ทั้งสองคนของตัวเองแบบสุดโต่งซะจนลูก ๆ ภรรยา หรือ ‘ริก มัคชี’ (Jon Bernthal) โค้ชของวีนัสที่ยอมทุ่มเงินพาครอบครัวย้ายมาฝึกที่ฟลอริดา แถมหาโอกาสในอาชีพให้อีกมากมาย ก็ยังโดนริชาร์ดปฏิเสธ (แบบคิดเองเออเอง) หน้าตาเฉย เพราะคิดว่าวีนัสยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมือที่สมควรแก่การได้รับ

หรือแม้แต่แผนการปฏิเสธการแข่งขันระดับเยาวชน และเก็บตัวฝึกเพื่อหวังไปเทิร์นโปรเลย ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่บ้าและเสี่ยงมากสำหรับเส้นทางอาชีพนักกีฬาเทนนิส ฯลฯ เล่นเอาคนรอบข้างหัวจะปวดกับคิงริชาร์ดไปตาม ๆ กัน

ก็ยังดีตรงที่ความเป็นคิงไม่ได้บ่อนทำลายชีวิตลูก ถ้าเป็นเชฟก็คงประมาณเชฟ ‘กอร์ดอน แรมซีย์’ ที่ปากร้าย ระเบียบจัด แต่ก็มีความใจดีอะไรประมาณนั้นมั้งครับ (555) ซึ่งในหนังก็จะสะท้อนให้เห็นว่า จริง ๆ

แล้วความเป็นคิงของเขามันไม่ได้มาจากการที่เขาเห็นแก่ตัว บีบบังคับเด็กให้ทำตามอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่ด้วยปูมหลังที่เขาเองก็เกิดมาเป็นคนดำที่โดนแบ่งแยก การอยู่ในสังคมที่มีอันตรายรอบด้าน

ก็เลยกลายเป็นคนแบบนี้ และต้องการให้ลูกใช้กีฬาที่ตัวเองถนัดในการไขว่คว้าโอกาสที่ดีกว่าตัวเขาเอง ด้วยเจตนาที่ดีและเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของลูก ก็เลยทำให้คนดูยังรู้สึกเอาใจช่วยริชาร์ดได้อยู่ แม้ว่าจะดูน่ารำคาญไปหน่อยก็เถอะ (555)

 

 

หรืออีกอย่าง Conflict อีกจุดที่สำคัญในหนังก็คือ การที่ริชาร์ดตัดสินใจส่งเสริมวีนัสผู้พี่มากกว่าเซเรนาผู้น้อง เขาพาวีนัสไปฝึกกับริก โค้ชและอดีตนักเทนนิสมืออาชีพ และปล่อยให้เซเรนาฝึกกับแม่เอาเองตามมีตามเกิด ดูเหมือนลำเอียง

แต่ก็เป็นแผนของริชาร์ดที่ได้ผล (และกลายเป็นเรื่องจริง) เสียด้วย เพราะในที่สุด วีนัสที่ฝึกฝนอย่างหนัก กลายมาเป็นนักเทนนิสอันดับ 1 ของโลก ส่วนเซเรนา ก็เป็นนักเทนนิสที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเทนนิสที่เก่งที่สุดในโลกตลอดกาล ที่ริชาร์ดทำแบบนั้นก็เพราะเห็นศักยภาพของแต่ละคน เลยเลือกให้ฝึกฝนกันคนละวิธี

ส่วนตัวหนังเองตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 14 นาที ถือว่าเล่าแบบไม่ช้าไปและไม่เร็วไปครับ แม้ตัวหนังจะค่อย ๆ ปูพื้นแบบไม่เร่งเร้า แต่ในองก์แรกก็ถือว่าปูพื้นให้เห็นเรื่องราวของครอบครัวได้กระชับฉับไวดี

ก่อนที่ตัวเรื่องจะค่อย ๆ เพิ่มความดราม่า โดยเฉพาะเรื่องราวของการต่อสู้ในวงการเทนนิสของริชาร์ดที่ผิดแผก แหกคอก เฟื่องฝัน และเต็มไปด้วยอีโก้ การรับมือกับนักเลงดุประจำถิ่น คำครหาจากเพื่อนบ้านที่กล่าวหาว่าริชาร์ดฝึกเด็ก ๆ แบบทารุณ ซึ่งดูจะไม่มีใครเข้าใจว่าแผนของริชาร์ดที่แท้จริงเป็นอย่างไรนอกจากครอบครัวของเขาเอง

รวมถึงการที่ความทะเยอทะยานของริชาร์ดที่ต้องการจะใช้กีฬาเทนนิสเพื่อพาครอบครัวหนีออกจากความยากจน ริชาร์ดจึงต้องฝึกฝนทั้งคู่อย่างหนักตั้งแต่วัยเด็ก แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะตอนท้าย สิ่งที่ริชาร์ดสอนและทำให้ทั้งคู่เห็น ก็เพื่อให้ทั้งคู่กลายเป็นนักกีฬาที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านฝีมือ และเป็นนักกีฬาเทนนิสผิวดำคนแรก ๆ

ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก และสิ่งที่สำคัญกว่าคือ การเป็นคู่พี่น้องนักเทนนิสที่มีคนรักใคร่ชื่นชมในการวางตัว และเล่นแบบ Fair play ที่สำคัญและยั่งยืนกว่าต่างหาก ซึ่งทุกอย่างมาขมวดที่องก์สุดท้ายนี่แหละ นอกจากจะทำฉากการแข่งเทนนิสได้ออกมาลุ้นสนุกมาก ๆ ก็ยังมีฉากซึ้ง ๆ ให้ได้แอบน้ำตาซึมไปนิดนึงด้วย (555)

ในส่วนของการแสดง ไม่ต้องลุ้นเลยว่า วิลล์ สมิธ สามารถถ่ายทอดความเป็นริชาร์ด วิลเลียมส์ และแบกหนังไปตลอดรอดฝั่งได้อย่างน่ารักและน่ารำคาญในคราวเดียวกัน จนต้องขอแอบลุ้นให้ได้ออสการ์ตัวแรกในชีวิตกับเขาบ้างเถอะ ส่วนน้อง ๆ

ทั้งวีนัสที่แสดงโดย ‘ซานียา ซิดนีย์’ (Saniyya Sidney) และเซเรนาที่แสดงโดย ‘เดมี ซิงเกิลตัน’ (Demi Singleton) โชว์ทักษะการเล่นเทนนิสทั้งเรื่องได้แบบมีทักษะมาก ส่วนอีกคนที่โดดเด่นก็คือ ‘อวนจานู เอลลิส’ (Aunjanue Ellis)

ที่รับบทออราซีน ภรรยาของริชาร์ด ที่ทรงพลังทุกครั้งในฉากที่ต้องปะทะอารมณ์กับวิลล์ สมิธ จนได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงแบบไม่ต้องแปลกใจ

รีวิว King Richard

ในส่วนเรื่องของ โปรดักชันก็เป็นอีกจุดที่น่าพูดถึงในหนังเรื่องนี้ครับ เพราะแม้ว่าตัวหนังเองจะไม่ได้โชว์ความ Epic แบบหลุดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงอย่างที่หนัง Biopic ยุคหลัง ๆ ชอบทำกัน แต่ถ้าได้ดูตอนท้ายของหนังที่มีคลิป ภาพนิ่ง และเนื้อหาที่เล่าถึงเหตุการณ์จริงของครอบครัววิลเลียมส์ จะเห็นว่ามีรายละเอียดบางจุดที่ทีมงานหยิบเอามาทำใหม่ การเซตฉากที่เกิดขึ้นในยุค 90’s หรือฉากการแข่งขันเทนนิสในองก์สุดท้ายที่ทำได้แบบสมจริง ถือว่าทีมงานทำการบ้านและเก็บรายละเอียดปลีกย่อยมาใส่ในหนังได้แบบครบถ้วนอย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

สรุปโดยรวมนะ แม้ผู้เขียนเองจะรู้สึกว่าตัวหนังของ ‘King Richard คิงริชาร์ด’ ก็ยังมีความเป็นสูตรสำเร็จหนังกีฬาอยู่ แต่ด้วยตัวหนังที่ดีพร้อมทั้งด้านบท โปรดักชัน การแสดง การตัดต่อ ฯลฯ ก็น่าจะทำให้รู้สึกชอบและมองข้ามจุดนี้ไปได้

ถ้าจะมองเป็นหนังกีฬา ตัวหนังก็สามารถเล่าออกมาได้ดี คนที่อินกับเทนนิสก็น่าจะเข้าใจถึงกติกา แท็กติก กลโกง รวมทั้งได้เห็นนักกีฬาเทนนิสชื่อดังในฐานะ Easter Egg ในหนัง ส่วนคนที่ไม่อินเทนนิส (แบบผู้เขียน) ก็ได้ลุ้นสนุกเหมือนดูการแข่งจริง ๆ

ถ้ามองในฐานะหนังดราม่า Biopic เรื่องหนึ่ง หนังเรื่องนี้ก็สมกับภาพยนตร์เข้าชิง 6 รางวัลออสการ์จริง ๆ นั่นแหละ แต่เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือหนังน้ำดีที่มีครบทั้งเรื่องราวที่เข้มข้นครบรส ทั้งการเป็นหนังครอบครัวฟีลกู้ดที่ดูได้แบบเพลิน ๆ บทเรียนเข้ม ๆ จากริชาร์ด แรงบันดาลใจดี ๆ จากวีนัสและเซเรนา ที่พร้อมจะหวดเต็มแรงเพื่อส่งต่อเข้าสู่หัวใจคนดูได้อย่างไม่ยากเย็นเลยครับ

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

มีคนถามว่าทำไมพวกเขาถึงสร้างภาพที่เน้นไปที่ Richard Williams ไม่ใช่ลูกสาวสองคนของเขา วีนัสและเซเรน่าคือผู้คว้ารางวัลแกรนด์สแลมมากมาย คำตอบคือสตูดิโอภาพยนตร์ไม่สนใจ Venus และ Serena ภาพยนตร์เกี่ยวกับพ่อของพวกเขา นักแสดงที่มีแรงผลักดัน ซับซ้อน และดื้อรั้นสามารถดึงดูดเงินทุนได้ ปัญหาของคิงริชาร์ดคือน้องสาวของวิลเลียมส์ในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ มันเคลือบน้ำตาลและดึงหมัดของมัน ริชาร์ด วิลเลียมส์ (วิล สมิธ) ต้องการให้ลูกสาวของเขาประสบความสำเร็จไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

และเขาได้เขียนแผนให้พวกเขากลายเป็นนักเทนนิสระดับแนวหน้าก่อนที่พวกเขาจะเกิด Richard และบรั่นดีภรรยาของเขาต้องการหลบหนีจากละแวกบ้านในคอมป์ตัน ริชาร์ดถูกสมาชิกแก๊งรังแกทำร้ายลูกสาวของเขาเป็นประจำ ชายผิวขาวที่มีส้นสูงในชมรมเทนนิสไม่สนใจที่จะสอนลูกสาวของเขา ข้อความย่อยว่าคนผิวสีเหมาะกับสนามบาสเก็ตบอลมากกว่าสนามเทนนิส ริชาร์ดไม่ยอมแพ้

เมื่อเขาหาโค้ชฝึกวีนัสฟรี บรั่นดีตัดสินใจฝึกเซรีน่าขณะที่ริชาร์ดขัดขวางและล้มลงกับโค้ช บางครั้งริชาร์ดอ้างว่ารู้ดีกว่า เขามองหาโค้ชที่ดีกว่าและตกลงกับพวกเขา เขายังดึงลูกสาวของเขาออกจากวงจรจูเนียร์เพราะเขาต้องการให้ลูกสาวมีชีวิตที่ปกติและมีสมาธิกับการศึกษา แม้ว่าพวกเขาจะเล่นเทนนิสตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คิงริชาร์ดเป็นส่วนหนึ่งของชีวประวัติและประสบความสำเร็จอย่างสูงกับเรื่องราวที่ไม่เอื้ออำนวย

วิลล์ สมิธพยายามอย่างดีในการจับภาพธรรมชาติที่ขัดแย้งกันของริชาร์ด วิลเลียมส์ สคริปต์แม้ว่าจะไม่ได้ลงและสกปรก มีฉากหนึ่งที่ริชาร์ดและบรั่นดีทะเลาะกันและบอกความจริงบางอย่างในบ้าน ริชาร์ดมีลูกจากความสัมพันธ์อื่นๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องชู้สาว บรั่นดีมีลูกสาวสามคนจากการแต่งงานครั้งก่อน จำเป็นต้องเสียบมีดเข้าไปในริชาร์ด วิลเลียมส์ และดึงจุดบกพร่องของเขาออกมาอีกมาก โค้ชพบว่าริชาร์ดทำงานหนัก พบว่าเขามีวาระของตัวเองและมีแรงจูงใจซ่อนเร้น แต่หนังกลับเลือกใช้อารมณ์ร่วมเพราะวีนัสเริ่มก้าวแรกสู่วงการมืออาชีพไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิว King Richard

 

Richard William (Will Smith) ยกลูกสาวสองคนของเขาให้เป็นแชมป์เทนนิส เขาทำในแบบของเขาในแบบนอกรีตที่ต้องการให้ครอบครัวมาก่อน แม้ว่าเขาจะดูบ้าและบางครั้งสมองก็ตายไปแล้ว ความบ้าคลั่งของเขามีวิธีหนึ่ง ไม่ใช่วิล สมิธแห่งเรื่องตลก อบอุ่นหัวใจและเป็นแรงบันดาลใจ คำแนะนำ: ห้ามสบถ เพศ หรือภาพเปลือ

ใครก็ตามที่ได้ดู Will Smith และภาพยนตร์ของเขา – นอกเหนือจากแฟรนไชส์ ​​Bad Boy หรือภาพยนตร์ดังเรื่องอื่นๆ – ที่เก่งกว่าด้วย แต่ก็ไม่ได้อวดกล้ามในการแสดงของเขาเลย ดังนั้น หากคุณเคยเห็นสิ่งอื่นที่เขาทำ คุณควรตระหนักว่าเขาสามารถกระทำได้ และถ้าไม่ใช่ หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณรับรู้ ไม่ใช่ตัวละครที่เล่นง่าย และแน่นอนว่าค่อนข้างแปลกสำหรับพี่น้องวิลเลียมส์ที่เห็นวิล สมิธเป็นพ่อของพวกเขา … แต่เด็กนี่ช่างเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ บางสิ่งค่อนข้างจะดุร้าย

และบางครั้งฉันก็สงสัยว่าเขาหนีไปกับหลาย ๆ อย่างได้อย่างไร … ฉันคิดว่าเพราะแผน … แล้วคุณจะเข้าใจเมื่อคุณดูหนัง หรือคุณรู้อยู่แล้วว่า – ฉันไม่ได้ตระหนักถึงเขาในฐานะบุคคลสาธารณะหรือในฐานะ … อะไรก็ตามสำหรับเรื่องนั้น เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ฉันรู้จักพี่สาวของวิลเลียมส์ … และฉันรู้ว่าพวกเขาเก่งแค่ไหน (หรือไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาเล่นกันตามจริงหรือไม่ … แม้ว่าคน ๆ หนึ่งจะตั้งครรภ์เมื่อไม่นานมานี้) … อย่างคุณ บอกได้เลยว่าช่วงนี้ฉันไม่ได้ติดตามเทนนิสมากเกินไป แต่ฉันรู้จักผู้เล่นบางคนที่นี่

 

รีวิว King Richard

 

และฉันจำชื่อคนบางคนได้ ไม่ใช่ผู้ฝึกสอน …คุณไม่จำเป็นต้องรู้จักใครแน่นอน … คุณสามารถเพลิดเพลินกับละครได้ทั้งหมด … โดยไม่ต้องเป็นแฟนตัวยงของกีฬา เมื่อพูด/เขียนทั้งหมดนั้นแล้ว ภาพยนตร์ก็ทำงานได้ในหลายระดับ อย่าคาดหวังว่าจะได้เห็นอาชีพทั้งหมดที่ Venus และ Serena มี … นั่นอาจเป็นเนื้อหาสำหรับภาพยนตร์เรื่องอื่น … จนถึงตอนนั้น … ใครจะไปรู้ อาจเป็น Academy Award สำหรับ Mr. Will Smith?

ครั้งแรกที่ฉันรู้จัก Venus และ Serena Williams ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 และได้ยินว่าพวกเขาเป็นนักเทนนิสฝีมือดีขนาดไหน แม้ว่าฉันจะไม่ชอบเล่นเทนนิส แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธความสามารถของพวกเขาได้ สิ่งที่ฉันไม่รู้คือเรื่องราวชีวิตของพวกเขา “คิงริชาร์ด” ของเรนัลโด มาร์คัส กรีนมองดูเรื่องนี้ โดยมีวิล สมิธเป็นพ่อของพวกเขา ชายผู้มอบความรักที่ยากลำบากด้วยความปรารถนาให้ลูกๆ ของเขามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เขามี นี่เป็นหนังที่ดีรอบตัว

ส่วนหนึ่งคือเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นสมิธแสดงบทบาทที่จริงจัง (การได้เห็นเขาเล่นเป็นพวกฮิปๆ ก็สนุกดี แต่เขาไม่สามารถทำได้ตลอดไป) ยิ่งไปกว่านั้น นักแสดงทุกคนมีผลงานที่ยอดเยี่ยม และมันน่ารักที่ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน หากคุณมีเวลาเพิ่มเติมโปรดดูสิ่งนี้ อย่าลืมติดตามการรีวิวของเราได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง