รีวิว Good Will Hunting

Will Hunting คือเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่ทำตัวเกรียนไปวันๆ แต่จะมีใครสามารถทำความเข้าใจสาเหตุผล เพราะอะไร? ทำไม? ที่มาที่ไป เบื้องหลังความเป็นมา ไม่มีทางที่จู่ๆมนุษย์คนหนึ่งจะแสดงนิสัยเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ ต่อต้านสังคมระดับนี้หรอกนะ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย” ดูได้ที่ ดูหนัง

 

รีวิว Good Will Hunting

 

เมื่อตอนสมัยผมเรียนมัธยมปลาย ม.6 ช่วงใกล้ๆวันเรียนจบ ครูแนะแนวเปิดห้องโสตฯฉายภาพยนตร์ Good Will Hunting (1997) เพื่อหวังว่าเด็กๆนักเรียนจะได้ข้อคิดบางอย่าง … ตอนรับชมครานั้นผมแค่รับรู้สีกว่าหนังค่อนข้างดีมีสาระ สอนให้รู้จักการเผชิญหน้าตนเอง ก้าวข้ามผ่านอดีตผิดพลาด เพื่อสามารถเป็นคนดีมีอนาคตสดใส

หวนกลับมารับชมครานี้ทำให้ผมรับรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ครูควรเปิดให้เด็กดูเท่านั้น ในมุมกลับตารปัตรนักเรียนย่อมสามารถนำมาเปิดให้ครูรับชมด้วยเช่นกัน! เพื่อบอกว่าอย่ามองพวกเขาแค่เพียงเปลือกนอกการกระทำ เคยบ้างไหมที่ครูฝ่ายปกครองจะทำความเข้าใจกลุ่มเด็กมีปัญหา ให้ความสนใจเบื้องหลังสาเหตุผลแท้จริงของการแสดงออกมา

Good Will Hunting เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเกี่ยวกับ ‘มุมมอง’ แนะนำให้ลองทำความเข้าใจผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะผู้คนยุคสมัยนี้ล้วนสวม ‘หน้ากาก’ เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ ตัดสินคนที่เปลือกนอกการกระทำ หาได้ใคร่สนใจเบื้องหลัง สาเหตุผล ที่มาที่ไป ปฏิเสธเปิดเผยตัวตนธาตุแท้จริงออกมา

Matthew Paige Damon (เกิดปี 1970) นักแสดงสัญชาติอเมริกัน เกิดที่ Cambridge, Massachusetts ครอบครัวหย่าร้างเมื่อเขาอายุ 2 ขวบ อาศัยอยู่กับมารดา(และพี่ชาย)ในบ้านเช่าที่มีอีก 6 ครอบครัวอาศัยอยู่ร่วมกัน, วัยเด็กไม่ค่อยคบหาเพื่อน จมอยู่ในกองหนังสือกระทั่งเข้าเรียน Cambridge Rindge and Latin School กลายเป็นเพื่อนสนิทของ Ben Affleck ทำให้สนใจด้านการแสดง สอบเข้า Havard University และพัฒนาบทหนัง Good Will Hunting จำนวน 40 หน้า ส่งเป็นโปรเจคจบของตนเอง ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Good Will Hunting

 

เกร็ด: Matt Damon ให้สัมภาษณ์บอกว่า บทหนังที่ส่งโปรเจคเรียนจบหลงเหลือกลายมาเป็นภาพยนตร์เพียงฉากเดียวเท่านั้น คือขณะ Will Hunting แรกพบเจอจิตแพทย์ Dr. Maguire

Damon นำบทหนังมาพัฒนาต่อร่วมกับเพื่อนสนิท Ben Affleck ตั้งใจให้เป็นแนว Thriller เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มอัจฉริยะ กำลังถูกไล่ล่าตกเป็นเป้าหมายหน่วยงานลับของรัฐ ที่ต้องการให้เขากลายมาเป็นสมาชิกเพื่อไขปริศนาบางอย่าง

Castle Rock Entertainment ซื้อลิขสิทธิ์บทหนังราคา $675,000 เหรียญ ได้รับคำแนะนำจากเจ้าของสตูดิโอ Rob Reiner ให้ตัดเนื้อหาส่วน Thriller ทิ้งไป แล้วไปมุ่งเน้นพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง Will Hunting กับจิตแพทย์ Dr. Maguire ที่มีความน่าสนใจยิ่งกว่า

ระหว่างนั้นเอง Damon และ Affleck มีโอกาสรับประทานอาหารเย็นกับ Terrence Malick ให้คำแนะนำตอนจบถึงการตัดสินใจของ Will Hunter ควรเริ่มต้นออกเดินทางติดตามแฟนสาว (ไม่ใช่ทั้งสองออกเดินทางไปด้วยกัน)

นอกจากนี้ Reiner ยังติดต่อนักเขียน William Goldman (Butch Cassidy and the Sundance Kid, All the President’s Men, The Princess Bride) มาเป็น Script Doctor ให้คำแนะนำขัดเกลาบทหนังเพิ่มเติม

 

 

เมื่อได้บทหนังที่น่าพึงพอใจ ทั้ง Damon และ Affleck ต่างเสนอตัวเพื่อรับบทแสดงนำ แต่กลับถูกปฏิเสธเพราะ Castle Rock Entertainment อยากได้ Brad Pitt ประกบ Leonardo DiCaprio นั่นทำให้สองหนุ่มตัดสินใจมองหาสตูดิโอใหม่ ติดต่อไปหลายแห่งล้วนบอกปัด (เพราะไม่เชื่อในพลังการแสดงของทั้งคู่) ก่อนมาลงเอยยัง Miramax ของ Harvey Weinstein อ่านบทมีความประทับใจอย่างมาก และยินยอมพร้อมให้พวกเขารับบทแสดงนำอีกต่างหาก!

(Harvey Weinstein แม้ได้รับการจดจำในฐานะโปรดิวเซอร์ผู้โฉดชั่วร้าย แต่ก็มีหลายๆผลงาน(อย่างเรื่องนี้)ที่ถือว่าทรงคุณค่ามากๆ ถ้าคุณเกิดอคติต่อหนังเพราะตัวผู้สร้าง แสดงว่าคุณยังมองโลกด้านเดียว เพียงเปลือกนอกการแสดงออก ไม่ต่างจากสิ่งเกิดขี้นในภาพยนตร์เรื่องนี้สักเท่าไหร่)

รีวิว Good Will Hunting

นอกจากนี้ Weinstein ยังให้โอกาสสองหนุ่มคัดเลือกผู้กำกับที่พวกเขาสนใจ แรกเริ่มคือ Kevin Smith ที่เคยกำกับทั้ง Affleck และ Damon เรื่อง Chasing Amy (1997) แต่เจ้าตัวบอกปัดปฏิเสธเพราะรับรู้ว่าตนเองไม่ใช่ผู้กำกับที่ดี เรื่องราวดังกล่าวสมควรได้รับโอกาสจากยอดฝีมือด้านนี้จริงๆ … Smith ได้รับเครดิต Excusive Producer คอยให้ความช่วยอยู่ห่างๆ  อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

ตัวเลือกอื่นๆ อาทิ Mel Gibson, Michael Mann, Steven Soderbergh ก่อนมาลงเอย Gus Van Sant จากความประทับใจภาพยนตร์เรื่อง Drugstore Cowboy (1989)

Gus Green Van Sant Jr. (เกิดปี 1952) ผู้กำกับ/นักเขียน/ศิลปิน หนึ่งในผู้บุกเบิก New Queer Cinema สัญชาติอเมริกัน เกิดที่ Louisville, Kentucky ในครอบครัวชนชั้นกลาง ต้นตระกูลเชื้อสาย Dutch ตั้งแต่เด็กมีความสนใจใน Visual Art ทั้งวาดภาพ ถ่ายหนัง เริ่มทำงานโฆษณา ผู้ช่วยผู้กำกับ Ken Shapiro เก็บหอมรอมริดสร้งภาพยนตร์เรื่องแรก Mala Noche (1986) ได้รับคำชื่นชมล้นหลาม สตูดิโอ Universal เคยให้ความสนใจแต่ก็แค่น้ำลาย, ผลงานถัดมา Drugstore Cowboy (1989), My Own Private Idaho (1991), Elephant (2003) ** คว้ารางวัล Palme d’Or, Milk (2008) ฯ

เรื่องราวของ Will Hunting (รับบทโดย Matt Damon) เด็กหนุ่มอัจฉริยะทำงานเป็นภารโรงยัง Massachusetts Institute of Technology (MIT) แอบแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ของ Professor Gerald Lambeau (รับบทโดย Stellan Skarsgård) ถูกต้องอย่างน่าตกตะลึง! แต่ตัวเขากลับมีทัศนคติชื่นชอบใช้ความรุนแรง ต่อต้านสังคม แม้สามารถเกี้ยวพาราสีหญิงสาว Skylar (รับบทโดย Minnie Driver) นักเรียนแพทย์จาก Harvard College แต่ปฏิเสธจะก้าวออกจาก Safe Zone ตอบตกลงเป็นคนรักของเธอ ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

 

Prof. Gerald พยายามติดตามจนพบเจอ ยื่นข้อเสนอให้ความช่วยเหลือ พร้อมส่งเสริมให้ Will ได้มีโอกาสทำงานเหมาะสมอัจฉริยภาพ ขณะเดียวกันต้องการจิตแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สามารถเข้าสังคมได้ ล้มเหลวหลายคราจนกระทั่งมาพบเจอ Dr. Sean Maguire (รับบทโดย Robin Williams) เพื่อนเก่าร่วมชั้นเรียนที่มักมีมุมมองทัศนคติตรงกันข้ามตนเอง แต่กลับสามารถเข้าถึงเปิดใจเด็กหนุ่ม ให้คำปรีกษา แก้ปัญหาชีวิต สอนให้รู้จักเผชิญหน้าตนเอง และก้าวข้ามผ่านสู่อนาคตอันสดใส

Will Hunting อายุ 20 ปี มาจาก South Boston เป็นเด็กกำพร้า เคยถูกบิดาบุญธรรมใช้กำลังทุบตีเลยโต้ตอบกลับด้วยความรุนแรงจนกลายเป็นปมฝังใจ แสดงออกด้วยการต่อต้านสังคม ปิดกั้นตนเอง แต่ลึกๆยังคงโหยหาใครสักคนที่สามารถเข้าใจ

อัจฉริยภาพของ Will เกิดจากการอ่านหนังสือ เรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่มีครูสอน แต่เขากลับปฏิเสธความสามารถดังกล่าว เพราะครุ่นคิดว่าเป็นสิ่งได้มาโดยง่าย ไม่ได้มีคุณค่าความสำคัญใดๆ อาชีพอย่างภารโรง กรรมกรก่อสร้าง ใช้แรงงาน มีความน่าภูมิใจยิ่งกว่า

 

 

จนกระทั่งได้พบเจอนักจิตแพทย์ Dr. Sean Maguire ค่อยๆเรียนรู้ที่จะเปิดตนเอง มีความกล้า ไม่เสแสร้ง เชื่อมั่นในผู้อื่น และได้รับคำแนะนำอันเป็นบทเรียนครั้งสำคัญแห่งชีวิต สามารถครุ่นคิดตัดสินใจ เลือกหนทางเดินของตนเองในสิ่งที่อยากทำได้สำเร็จ

เรื่องราวดังกล่าวแทบจะถือได้ว่าเป็นอัตชีวประวัติ Matt Damon (ก็จากบทหนังที่เจ้าตัวเขียนขี้น!) แม้จะดูหลงตนเอง เย่อหยิ่งทะนงไปสักนิด แถมยกยอปอปั้นระดับอัจฉริยะ แต่มันคือความเท่ห์ เติมเต็มเพ้อฝันของชายหนุ่ม การแสดงจีงออกมาอย่างสมจริง มั่นอกมั่นใจ กล้าได้กล้าเสีย และเป็นตัวของตนเอง

นี่ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกๆของ Damon ที่ประสบความสำเร็จล้นหลาม (ขณะนั้นอยู่ในวงการมาเกือบๆ 11 ปีแล้ว) ชื่อเสียงถาโถมเพียงชั่วข้ามคืน สร้างความคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เว็บรีวิวหนัง