รีวิว Good Bye Lenin

Good Bye Lenin! เป็นผลงานการกำกับโดย โวล์ฟกัง เบคเกอร์ ที่อิงประวัติศาสตร์และมีฉากหลังอยู่ในระหว่างปี ค.ศ.1989 – ค.ศ.1991 ซึ่งเป็นยุคสมัยที่เยอรมันเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่นั่นคือ การทุบทำลายกำแพงเบอร์ลินที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมประเทศเข้าเป็นหนึ่งเดียว และการหลั่งไหลพรั่งพรูของกระแสทุนนิยมจากฝั่งตะวันตกสู่ฝั่งตะวันออก ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

เบคเกอร์-ผู้กำกับ อาศัยการเล่าเรื่องราวผ่านครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งในเยอรมันตะวันออกที่มี อเล็กซ์ (แสดงโดย แดเนียล บรูห์ล) และแม่ – คริสติอาเน่ เคอร์เนอร์ (คาทริน ซาซ) เป็นสองตัวละครหลักที่ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวความผูกพันแสนประทับใจระหว่างแม่กับลูก

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อครั้งอเล็กซ์ยังเป็นเด็ก พ่อของเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากทางการว่าหนีไปอยู่ฝั่งตะวันตก เมื่อได้รับแจ้งข่าวนี้ คริสติอาเน่ตกอยู่ในภาวะหดหู่และเศร้าซึม ไม่ยอมเอ่ยปากพูดจากับใครจนต้องเข้ารับการบำบัดทางจิต

แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้นเธอก็หายดีเป็นปกติทุกอย่างเหมือนเดิม เว้นเพียงอย่างเดียวที่เปลี่ยนไปคือ อุดมการณ์สังคมนิยมของเธอที่ทวีความแรงกล้าขึ้นอย่างสุดขั้ว

จวบจนเวลาผ่านไปสิปปี คริสติอาเน่ผันตัวเองไปเป็นนักสังคมนิยมตัวยง คอยสอนเด็กๆ ให้ร้องเพลงปลุกใจ และด้วยความใฝ่ฝันที่อยากให้สังคมเท่าเทียมกันดังโลกสังคมนิยมในอุดมคติ จึงให้ความช่วยเหลือแม้เพียงเล็กน้อยแก่ผู้เดือดร้อนเท่าที่พอจะช่วยได้ ทำให้เธอได้รับรางวัลพลเมืองดีเด่นติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี

เช่นเดียวกับในปีนั้นซึ่งก็เป็นอีกปีที่เธอได้รับรางวัล ทว่าในคืนพิธีมอบรางวัลนั้นเอง คริสติอาเน่พบว่าอเล็กซ์กลับกลายเป็นหนึ่งในขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย ส่งผลให้เธอช็อคมากจนล้มลงหมดสติอยู่กลางถนน ทำให้เธอตกอยู่ในอาการโคม่าและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่นานถึงแปดเดือน

ระหว่างที่คริสติอาเน่นอนแน่นิ่งสลบไสลอยู่ที่โรงพยาบาล อเล็กซ์คอยหมั่นเพียรมาเยี่ยมและเฝ้าดูอาการของแม่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และที่แห่งนั้นเองทำให้เขาพบกับลาร่า (ชูลแพน คามาโตวา) พยาบาลสาวชาวรัสเซียที่กลายมาเป็นคนรักของเขาในเวลาต่อมา

แปดเดือนที่คริสติอาเน่นอนหลับไม่ได้สติ นับเป็นช่วงเวลายาวนานมากพอที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง นับตั้งแต่อเล็กซ์ได้งานทำใหม่เป็นพนักงานติดตั้งจานดาวเทียม แอเรียน (มาเรีย ซิมอน) พี่สาวของอเล็กซ์ ลาออกจากมหาวิทยาลัยมาทำงานอยู่ที่เบอร์เกอร์คิง และมีแฟนคนใหม่เป็นหนุ่มจากฝั่งตะวันตกชื่อ ไรเนอร์ (อเล็กซานเดอร์ เบเยอร์)

จนไปถึงความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงที่สุดนั่นคือ ความพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่นำไปสู่การทลายลงของกำแพงเบอร์ลิน และการล่มสลายของระบบสังคมนิยม ซึ่งส่งผลต่อเนื่องตามมาทั้งการอพยพย้ายถิ่นระหว่างผู้คนทั้งสองฝั่ง และการรุกเข้าคืบคลานของระบบทุนนิยมสู่ฝั่งตะวันออกที่พลิกวิถีชีวิตของผู้คนไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

แล้ววันหนึ่งเหมือนสวรรค์เป็นใจทำให้คริสติอาเน่ฟื้นตื่นขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ หมอได้กำชับกับอเล็กซ์และแอเรียนว่าห้ามให้มีเรื่องใดกระทบกระเทือนจิตใจของแม่อีกเป็นอันขาด มิเช่นนั้นปาฏิหาริย์คงไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง และยังแนะนำอีกว่าควรให้คริสติอาเน่พักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลต่อไป

แต่อเล็กซ์เกรงว่าหากให้แม่อยู่โรงพยาบาลต่อ แม่จะต้องรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเข้าสักวันซึ่งนั่นอาจทำให้แม่ช็อกได้อีกครั้ง จึงตัดสินใจพาแม่กลับบ้านในที่สุด เรื่องราววุ่นๆ ทั้งหมดที่อเล็กซ์ต้องรับมือจึงเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการจัดฉากให้ห้องของแม่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าเก็บจากยุคสังคมนิยมรุ่งเรือง การเสาะแสวงหาของเก่าอย่างแตงกวาดองยี่ห้อโปรดของแม่แล้วลอกเอาสติกเกอร์โลโก้มาแปะบนขวดแตงกวาดองซึ่งเป็นสินค้ายุคใหม่ การชวนเพื่อนๆ ของแม่ให้มาร่วมงานวันเกิด

และเกณฑ์เด็กๆ มาร้องเพลงให้ฟัง หรือแม้แต่การร่วมมือกับเพื่อนสนิท เดนิส (ฟลอเรียน ลูคัส) สร้างรายการข่าวของปลอมทางทีวีให้แม่ดูเพื่อไม่ให้คลาบแคลงใจถึงสิ่งผิดสังเกตต่างๆ ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการจัดฉากให้เห็นว่าโลกในอุดมคติของแม่ยังคงเหมือนเดิม หรือถ้าจะพูดว่าเป็นการสร้างโลกในแบบที่อเล็กซ์ต้องการก็คงจะไม่ผิดนัก

ในขณะที่อเล็กซ์พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดความจริงไม่ให้แม่รู้ เขาเองก็ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่าแม่ก็มีเรื่องที่ปิดบังเขาและพี่สาวเช่นกัน

จนกระทั่งในวันที่เขาตั้งใจจะบอกความจริงกับแม่ในตอนที่ไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกันพร้อมหน้ากับครอบครัว กลับกลายเป็นตัวเขาเองที่ได้รับรู้ความจริงอันน่าสะเทือนใจที่แม่ปิดซ่อนมาโดยตลอด

ความจริงเกี่ยวกับพ่อที่เขาเข้าใจผิดมาเสมอว่าทิ้งครอบครัวหนีไป หากแต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะพ่อแค่ย้ายไปอยู่เมืองอื่นก่อนเพื่อรอให้พวกเขาตามไปทีหลัง

เป็นเพราะคริสติอาเน่เองที่รู้สึกกลัวขึ้นมาจึงไม่ได้ย้ายตามไป พ่อได้แต่รออยู่ที่นั่นและส่งจดหมายกลับมาที่บ้านเป็นเวลาถึงสามปีแต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ นั่นเป็นเพราะแม่นิ่งเฉยและเอาจดหมายทั้งหมดไปซ่อนไว้ ไม่ให้ลูกทั้งสองได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย

จุดเด่นที่สุดของ Good Bye Lenin! อยู่ที่การนำเอาประเด็นทางการเมืองเชื่อมโยงผ่านครอบครัวของเคอร์เนอร์ได้อย่างลงตัว “การโกหก” ระหว่างอเล็กซ์กับแม่ เปรียบได้กับ “กำแพงเบอร์ลิน” ที่ปิดกั้นความเข้าใจและความคิดที่มีต่อโลก

อเล็กซ์ เข้าใจว่าพ่อแปรพักตร์กลายไปเป็นพวกทุนนิยมและทิ้งเขาไปตั้งแต่เล็ก เขาจึงเติบโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูของแม่เพียงคนเดียว โดยปราศจากเงาของพ่อและโลกของพ่อ (เยอรมันตะวันตก) อย่างสิ้นเชิง ทำให้เขาไม่ยอมรับในตัวพ่อ และไม่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ เขาจึงมีความสุขและดูไม่ขัดเขินกับการสร้างโลกสังคมนิยมจำลองขึ้นมา

 

 

ต่างกับแอเรียน พี่สาวของเขาที่ได้รับอิทธิพลจากเสรีนิยมเข้าอย่างจัง ตั้งแต่การทำงานในร้านเบอร์เกอร์คิงซึ่งเป็นร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของอเมริกา หรือการมีแฟนใหม่เป็นคนฝั่งตะวันตกที่ชอบอบผิวให้มีสีแทน และชอบใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย

ดังนั้นเมื่ออเล็กซ์ได้รับรู้ความจริงเรื่องพ่อจึงเท่ากับกำแพงเบอร์ลินในใจของเขาได้ทลายลง ทำให้เขาเข้าใจทุกอย่างถูกต้องและพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ได้อย่างเต็มตัวเสียที

สังเกตได้ว่าที่ซ่อนจดหมายของพ่ออยู่ที่ฝาหลังตู้ของครัวที่ติดกำแพง ซึ่งน่าจะสื่อถึงกำแพงเบอร์ลิน การจะเอาจดหมายออกมาอ่านเพื่อรับรู้ความจริงเท่ากับว่าต้องทำลายฝานั้นทิ้งไป ก็เหมือนกับการทลายลงของกำแพงเบอร์ลินที่นำมาสู่ความเป็นโลกแห่งเสรีและการรวมกันเป็นหนึ่งของประเทศเยอรมัน

คริสติอาเน่ เปรียบได้กับการคงอยู่และความเป็นไปของพรรคคอมมิวนิสต์ อุดมการณ์สังคมนิยม หรือแม้แต่เยอรมันตะวันออก

ในยุคที่สังคมนิยมยังเรืองอำนาจ เธอใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขและอุทิศตนทำประโยชน์เพื่อสังคมอย่างเต็มกำลัง แต่จากเหตุการณ์ในวันที่เธอเห็นอเล็กซ์เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งทำให้เธอหมดสติไปเป็นเวลานาน นับเป็นจุดเริ่มต้นของความผันผวนทางการเมืองพอดิบพอดี

จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ทั้งความพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์ การล่มสลายของสังคมนิยม การทลายลงกำแพงเบอร์ลิน จนในที่สุดเยอรมันก็ประกาศรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว

แม้ว่ากำแพงเบอร์ลินจะไม่มีอีกแล้ว แต่เมื่อคริสติอาเน่ฟื้นขึ้นอีกครั้ง อเล็กซ์จึงจำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกที่เป็นการโกหกด้วยเจตนาหวังดี (White Lie) เหมือนอย่างที่กุยโด้สร้างเรื่องโกหกเพื่อไม่ให้ลูกชายต้องจดจำสภาพความเลวร้ายของค่ายกักกันนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในหนังเรื่อง Life is Beautiful

การโกหกครั้งนี้จึงเสมือนเป็นการสร้างกำแพงเบอร์ลินให้กับความคิดของแม่ว่าอุดมการณ์สังคมนิยมยังคงมีอยู่

หลังจากที่คริสติอาเน่ฟื้นคืนสติได้อีกครั้งและไม่รู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้น ชีวิตของเธอในช่วงนี้จึงเปรียบได้กับโลกสังคมนิยมในอุดมคติ ตามความคิดของลัทธิสังคมนิยมโดย คาร์ล มาร์กซ ที่ว่าทุกคนจะอยู่อาศัยร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม ไม่มีผู้ใดทุกข์ร้อนหรืออดอยาก มีแต่การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

อย่างที่คริสติอาเน่เข้าใจว่าผู้คนฝั่งตะวันตกมากมายที่พากันอพยพเข้ามาเป็นความช่วยเหลือของรัฐบาลเยอรมันตะวันออก ทั้งที่ในความเป็นจริงเยอรมันตะวันออกได้กลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว

ในตอนท้ายเรื่องที่คริสติอาเน่จากโลก(สังคมนิยมอุดมคติ)นี้ไป อเล็กซ์ได้นำอัฐิของแม่ใส่ไว้ในจรวดและปล่อยให้ล่องลอยไปตามสายลมตามคำสั่งเสีย ฉากนี้น่าจะมีความหมายถึงความหลุดพ้นจากการครอบงำของอุดมการณ์สังคมนิยม

คล้ายกับว่าคริสติอาเน่รู้และยอมรับความจริงแล้วถึงการเกิดขึ้นและมีอยู่ของทุนนิยมและโลกเสรี ซึ่งทำให้โลกไร้พรมแดนและทุกประเทศเชื่อมโยงถึงกันเปรียบได้กับสภาพของท้องฟ้าหรืออวกาศที่กว้างใหญ่ไพศาลและไร้อาณาเขตขวางกั้น

ในฉากก่อนหน้าที่ลาร่าพูดคุยกับคริสติอาเน่ในห้องพยาบาลก่อนที่อเล็กซ์จะพาพ่อเข้ามาเยี่ยมเป็นการแสดงให้เห็นว่าคริสติอาเน่ได้รับรู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว รวมทั้งรายการข่าวโทรทัศน์ปลอมที่อเล็กซ์ทำขึ้นมาเพื่ออธิบายถึงการทำลายกำแพงเบอร์ลิน (ด้วยเหตุผลที่ดีกว่าความเป็นจริง) ก็น่าจะเป็นการตอกย้ำได้ดีว่าถึงแม้คริสติอาเน่จะได้จากโลกนี้ไปแล้วแต่ก็เป็นการจากไปอย่างเข้าใจและเป็นสุข

สัญลักษณ์อย่างหนึ่งในหนังที่พบเห็นบ่อยครั้งมากที่สุดคือ ทุกสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับอวกาศ (Space) ไม่ว่าจะเป็นนักบินอวกาศ จรวด หรือแม้แต่ภาพยนตร์อวกาศ

อย่างในฉากสุดท้ายที่อเล็กซ์นำอัฐิของแม่ปล่อยไปกับจรวด หรือฉากตอนต้นเรื่องที่ตัวเขาสมัยเด็กเล่นปล่อยจรวดกับเพื่อนๆ และจินตนาการไปเองว่าตัวเองเป็นนักสำรวจอวกาศ

การ์ตูนมนุษย์ทราย (Sand man) ที่เขาโปรดปรานสมัยเด็กที่ฉายอยู่ในทีวีตอนที่เขาไปหาพ่อที่บ้าน และพบกับลูกๆ ใหม่ของพ่อทั้งสองคนนั่งดูอยู่ก็เป็นตอนที่มนุษย์ทรายแต่งตัวเป็นนักอวกาศเดินทางไปนอกโลกพอดี

และที่สำคัญคือการมีฮีโร่ในดวงใจตลอดกาลเป็นนักท่องอวกาศชาวเยอรมันตะวันออกคนแรกที่ได้ไปเหยียบบนพื้นผิวดวงจันทร์ที่ชื่อ “ซิกมุนด์ เอียน”

ไม่เพียงแต่อเล็กซ์คนเดียวที่ชื่นชอบในเรื่องอวกาศ เดนิส เพื่อนของเขาก็น่าจะมีความชื่นชอบและสนใจในเรื่องอวกาศไม่ใช่น้อย (แม้จะเกี่ยวในแง่เรื่องราวของหนังก็เถอะ)

จากฉากที่เป็นมุขเด็ดสองมุขของเรื่อง ในตอนที่เดนิสนำเทปวิดีโอที่ตัดต่อด้วยตัวเองมาให้อเล็กซ์ดู การตัดต่อในหนังของเขาเป็นการเลียนแบบฉากเด็ดในหนังเรื่อง 2001: A Space Odyssey ของผู้กำกับ สแตนลีย์ คิวบริก และอีกตอนหนึ่งที่พวกเขาสองคนกำลังติดตั้งจานดาวเทียมอยู่ด้วยกัน เดนิสก็พูดขึ้นมาว่า “Houston, we have a problem.” ซึ่งก็เป็นประโยคดังจากหนังเรื่อง Apollo 13 ของผู้กำกับ รอน โฮเวิร์ด ซึ่งหนังสองเรื่องนี้เป็นหนังอวกาศชื่อดังทั้งคู่

นัยยะที่แฝงมากับเรื่อง “อวกาศ” จึงน่าจะอยู่ที่การปลดปล่อย การแสวงหาสิ่งใหม่ และความเป็นอิสระเสรี

ถ้าให้คริสติอาเน่เป็นตัวแทนของคนเยอรมันตะวันออกรุ่นบุกเบิก อเล็กซ์ และเดนิสก็คงจะต้องเป็นตัวแทนของคนเยอรมันตะวันออกรุ่นใหม่ ซึ่งคนทั้งสองยุคนี้ย่อมจะต้องมีความคิดที่แตกต่างกันอยู่มาก

แม้ว่าคนในรุ่นบุกเบิกบางคนอาจจะไม่ได้มีความคิดสุดโต่งจนเกินไปเหมือนอย่างคริสติอาเน่ แต่ในการปรับตัวตามสภาพบริบททางสังคมและการเมืองที่เปลี่ยนไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

อย่างมุขตลกของหนังที่ให้ชายแก่คนที่มักจะเจอกับอเล็กซ์ที่กองขยะพูดกับเขาทุกครั้งที่เจอว่า “เพราะพวกเขา เราถึงต้องเป็นแบบนี้” เป็นการบ่งบอกว่าระบบทุนนิยมนี้เองที่ทำให้บางคนไม่มีงานทำ และไม่มีอันจะกินจนถึงกับต้องคุ้ยหาข้าวของตามถังขยะเพื่อประทังชีวิต

แต่สำหรับคนรุ่นใหม่การปรับตัวเข้ากับโลกเสรีไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ แอเรียน ที่แทบจะเรียกได้ว่าไม่เหลือเค้าของความเป็นคนสังคมนิยมหลงเหลืออยู่ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022

แต่กับอเล็กซ์ เราจะเห็นว่าเขายังไม่ได้ปรับตัวเข้ากับทุนนิยมอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เปิดรับมันเลย

เห็นได้จากการที่เขาเคยเข้าร่วมขบวนประท้วงเพื่อเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตย นั่นแสดงให้เห็นว่าลึกๆ แล้วอเล็กซ์ก็ต้องการที่จะหลุดพ้นจากสภาพสังคมนิยมที่เป็นอยู่ และต้องการสิ่งใหม่เหมือนอย่างที่คนฝั่งตะวันตกและชาติอื่นๆ เกือบทั่วโลกเขามีกัน นั่นรวมไปถึงความเป็นอิสระเสรีในการทำอะไรอย่างที่ใจอยากด้วย

อย่างที่เขาและลาร่าเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านที่ถูกทิ้งไว้ของคนที่อพยยพไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประเทศ ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงการแสวงหาสิ่งใหม่และความต้องการอิสระของเขาได้เป็นอย่างดี

หรือในอีกแง่หนึ่ง “อวกาศ” อาจจะสื่อถึงโลกในอุดมคติที่ไม่อาจมีอยู่จริงเปรียบได้กับการสร้างโลกให้กับแม่ของอเล็กซ์

ฉากที่สะท้อนในเรื่องนี้ได้ดีคือ ตอนที่อเล็กซ์นั่งแท็กซี่ไปหาพ่อเพื่อพบหน้าเป็นครั้งแรกหลังจากไม่ได้เจอกันเป็นเวลากว่าสิบปีและแจ้งข่าวเรื่องของแม่ ที่บังเอิญเหลือเกินว่าคนขับแท็กซี่คันนั้นมีหน้าเหมือน “ซิกมุนด์ เอียน” ขวัญใจเพียงหนึ่งเดียวของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

รีวิว Good Bye Lenin

เกิดประสบอุบัติเหตุอาการโคม่าหลับยาวนานไป 8 เดือน ทิ้งให้ สองพี่น้อง Alex รับบทโดย Daniel Brühl และ น้องสาวของเขาต้องเฝ้าดูแลแม่ของพวกเขาให้อาการดีขึ้นอย่างเดียวดาย จนกระทั่งวันหนึ่งแม่ของเขาได้ตื่นขึ้นมาจากอาการโคม่า พร้อมความแข็งแรงปรกติที่ดูจะเข้าท่าเข้าทาง ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

รีวิว Good Bye Lenin

 

แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นสักเท่าไร เพราะ 8 เดือนที่อาการโคม่าของแม่ Alex ประสบอยู่นั้นเป็นช่วงที่ เยอรมันมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (อ้างอิงปี ค.ศ. 1989-1991) และได้ทุบกำแพงเบอร์ลินที่กั้นกลางระหว่างของฝั่งออกเพื่อรวมประเทศ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกับแม่ของ Alex ตรงไหนใช่ไหมครับ มันเกี่ยวตรงที่ว่า ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟรี

อาการโคม่าของแม่ Alex นั้นมาจากการที่เธอเป็นตัวแทนฝั่งสังคมนิยม (คอมมิวนิสต์)แบบสุดโต่ง สร้างและปลูกฝังอุดมคติตามแนวทางสังคมนิยมให้ประชาชนทุกคนเท่าเทียม แต่แล้ววันหนึ่งที่เธอกำลังขึ้นรับรางวัลพลเมืองสังคมนิยมดีเด่น กลับพบว่าลูกชายของเธอ Alex กลับไปอยู่กับกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย ทำให้เธอเสียใจหมดสติเข้าสู่อาการโคม่าทันที

ด้วยเหตุนี้เองเมื่อ แม่ของ Alex รอดตายจากอาการโคม่าแล้ว งานก็เลยเข้าเจ้าลูกชายตัวดีอย่าง Alex ทันที เพราะเขามั่นใจว่าแม่ของเขาต้องโคม่าอีกครั้งแน่ๆ ถ้ารับรู้ว่าเธอฟื้นขึ้นมาในยุคล่มสลายของพรรคคอมมิวนิสต์ ซ้ำเยอรมันรวมประเทศแล้วยังต้อนรับชาวตะวันตก และกระแสทุนนิยมเข้ามาในประเทศอีกต่างหาก

อีกทั้งการงานของ Alex ในช่วง 8 เดือนที่ต้องดูแลแม่นั้นก็เป็นงานที่มาจากฝั่งตะวันตก แม้แต่น้องสาวของเขาเองก็ยังมีแฟนเป็นชาวตะวันตกทำงานร้านเบอร์เกอร์(เป็นของแปลกในยุคนั้นในเยอรมัน)

ด้วยความที่ตัวละครอย่าง Alex นั้นรู้สึกผิด และมี Guilt ในใจอยู่แล้วกับเหตุที่ทำให้แม่ของเขาโคม่ารอบก่อน เขาจึงตัดสินใจวางแผนพาแม่ออกมาจากโรงพยาบาล แล้วจัดแจงทุกสิ่ง บรรยากาศทุกอย่างทั้งในบ้าน

และรอบๆ ตัวของเขาให้ยังเป็นเหมือนเดิมเหมือนยุคเสรีนิยมของแม่ของเขา ตั้งแต่การไปหา โลโก้สินค้าเดิมๆ เก่าๆ มาติดแทนฉลากสินค้าใหม่ๆ ที่นำเข้ามา จ้างเพื่อนของเขา Denis รับบทโดย Florian Lukas มาอ่านข่าวปลอมๆ เกี่ยวกับการเมือง และธุรกิจในประเทศให้แม่เขาดูคนเดียว

ความรู้สึกหลังดู

‘ลาก่อน เลนิน!’ เป็นภาพยนตร์เยอรมันที่น่าสนใจ โดยเหตุผลที่ไม่ชัดเจนถูกปฏิเสธการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ฉันถือว่ามันเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยดูในปีนี้ ‘ลาก่อน เลนิน!’ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2021 เต็มเรื่อง พากย์ไทย

 

รีวิว Good Bye Lenin

 

เป็นหนังตลกสีดำที่สนุกสนานและเหนือจริง ซึ่งไม่สามารถต้านทานการทดสอบของตรรกะและความเป็นจริงได้ แต่ภายใต้พื้นผิวนั้นเป็นภาพยนตร์ที่ใส่ใจสังคมจริงๆ ที่เข้าใจบรรยากาศและปัญหาของเยอรมนีตะวันออกหลังคอมมิวนิสต์ได้เป็นอย่างดี

เรื่องราวของอเล็กซ์ ซึ่งมารดาซึ่งเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ที่อุทิศตน ป่วยด้วยอาการหัวใจวายซึ่งส่งเธอไปสู่อาการโคม่า ซึ่งเธอหลับไปตลอดหลายเดือนของการปฏิวัติและการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ เมื่อเธอตื่นขึ้น แพทย์เตือนอเล็กซ์ไม่ให้แม่ของเขากังวลหรือตื่นเต้น

ดังนั้น เขาจึงใช้ความพยายามอย่างมหาศาลที่น่าหัวเราะเพื่อให้เธอเชื่อว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ในเบอร์ลินตะวันออกยังมีชีวิตอยู่ มีไม่มากที่เป็นการทดสอบเหตุผลอีกครั้ง แต่มันมีไหวพริบและสนุกสนานอย่างเหลือเชื่อ และจัดการได้ตลอด เพื่อให้ได้ข้อความที่ทรงพลัง

‘ลาก่อน เลนิน!’ ที่ทั้งสนุกและสำคัญ หนังที่ผมแนะนำให้ทุกคน อย่ากลัวหนังยุโรป แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องยาก แต่ก็คุ้มค่าและคุ้มค่ากับเวลาของคุณ เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

คอนเซปต์ของหนังเรื่องนี้คือชายหนุ่มต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งแม่ของเขาที่กำลังพักฟื้นจากอาการหัวใจวาย โดยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเยอรมนีขณะที่เธออยู่ในอาการโคม่านั้นอร่อยจริงๆ แต่ก็เป็น สมมติฐานที่อาจผิดพลาดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ฉันยินดีที่จะรายงานว่ามันไม่ได้ผิดพลาดอย่างแน่นอน และด้วยคุณลักษณะที่น่าสนใจ สคริปต์ที่ยอดเยี่ยม

และแนวคิดที่กระตุ้นความคิด ลาก่อน เลนิน! เป็นผู้ชนะตลอดทาง! วงดนตรีที่เก่งกาจเปิดทางสู่เรื่องราวที่มีหัวใจมากมาย และเป็นเรื่องราวที่ชี้ประเด็น – ทั้งในด้านการเมืองและด้านอื่นๆ

โดยไม่ต้องใช้ค้อนขนาดใหญ่ ลาก่อน เลนิน! เป็นหนึ่งในภาพยนตร์เหล่านั้นที่คุณสร้างมันขึ้นมา ด้านหนึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจและสนุกสนานของการเดินทางของเด็กชายสู่วัยผู้ใหญ่และความรักที่เขามีต่อแม่ แต่ในทางกลับกัน เป็นการเสียดสีทางการเมืองที่เกี่ยวพันกับประเด็นที่ว่าการรับรู้ของเราต่อความจริงบางอย่างสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราได้อย่างไร ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

แดเนียล บรูห์ล เด็กหนุ่มชาวสเปนผู้มีความสามารถ รับบทเป็น ‘อเล็กซ์’ ชายหนุ่มที่เป็นศูนย์กลางของเรื่อง ด้วยการแสดงที่ละเอียดอ่อนของเขา แดเนียลสามารถจับภาพความมุ่งมั่นและความรักที่เป็นตัวอย่างที่ดีของเขาได้ เขาร่วมกับจุลปัน คามาโตวาคนสวย มาเรีย ไซมอน และอเล็กซานเดอร์ เบเยอร์ ซึ่งให้การสนับสนุนบรูห์ลในฐานะแฟนสาว น้องสาวและน้องสาวของน้องสาวตามลำดับ ร่วมกับแคทริน แซส ชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง