รีวิว Finding Vivian Maier

ปี 2007 ชายหนุ่มชื่อ จอห์น มาลูฟ ประมูลกล่องฟิล์มเนกาทีฟมาหนึ่งกล่อง หวังจะเจอภาพเก่าๆ ที่เอามาใช้ประกอบหนังสือประวัติศาสตร์ที่เขากำลังเขียนอยู่ได้ มาลูฟไม่เจอภาพที่ต้องการ แต่สิ่งที่เขาเจอคือรูปภาพจำนวนมหาศาลจากช่วงยุคทศวรรษ 50 ที่ผู้หญิงคนหนึ่งถ่ายทิ้งเอาไว้ ผู้หญิงที่ทุกวันนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ช่างภาพสตรีทผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับการค้นพบในศตวรรษที่ 21” ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

แค่เรื่องย่อก็น่าสนุกแล้ว…จากไม่กี่บรรทัดของเศษเสี้ยวที่เล่าเกี่ยวกับสารคดีเรื่องแรกที่ทาง Documentary Club กำลังจะจัดฉายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ “Finding Vivian Maier: คลี่ปริศนาภาพถ่ายวิเวียน ไมเออร์” อันเป็นครั้งแรกในโรงเมืองไทย!

สารคดีเล็กๆ ที่เคยเปิดตัวในเทศกาลหนังยิ่งใหญ่ระดับโตรอนโตและเบอร์ลินมาแล้ว ก่อนจะคว้ารางวัลยอดเยี่ยมจากอีกหลายเทศกาล อาทิ เทศกาลหนังพอร์ตแลนด์, เทศกาลหนังแทรเวิร์ส เทศกาลหนังไมอามี และรางวัลผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังปาล์มสปริง

สารคดีเรื่องแรกที่ทำให้โลกรู้จักฝีมือชั้นเซียนในทางถ่ายภาพแนวสตรีทยุคทศวรรษ 50-60 นับแสนๆ รูป ของ ไมเออร์ ผู้หญิงบ้านๆ ที่ตลอดชีวิตเธอยึดอาชีพเป็นพี่เลี้ยงเด็กมาเกือบ 40 ปี โดยเธอไม่ยอมให้ใครได้เห็นฝีมืออันเก่งกาจ และซุกซ่อนตัวตนด้านนี้เอาไว้ในกล่องใบนั้นที่มาลูฟประมูลมาได้

และอีกเช่นกันสำหรับครั้งแรก เพราะนี่คือสารคดีเรื่องแรกที่มาลูฟและ ชาร์ลี ซิสเกล โดดขึ้นมาเป็นผู้กำกับจากที่ไม่เคยทำหนังกันมาก่อน แม้ว่าซิสเกลจะเคยบ่มเพาะประสบการณ์มาบ้างจากการเป็นโปรดิวเซอร์ภาคสนามให้กับสารคดีเกี่ยวกับการสังหารหมู่ในโรงเรียนฝีมือกำกับของ ไมเคิล มัวร์ เรื่อง Bowling for Columbine (2002)

“ความประทับใจแรกที่เห็นภาพของเธอเป็นความตื่นเต้นยินดี เธอมีดวงตาที่หยั่งถึงความจริงแท้ เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงธรรมชาติของมนุษย์ ภาพถ่ายชีวิตบนท้องถนนของวิเวียนมีความเข้าใจมนุษย์ อบอุ่น และขี้เล่น ผมคิดว่า นี่ล่ะตากล้องตัวจริง” – โจเอล เมเยอโรวิตส์

 

รีวิว Finding Vivian Maier

 

นี่คือคำยืนยันเกี่ยวกับฝีมือของไมเออร์จากช่างภาพแนวสตรีทมืออาชีพ เมเยอโรวิตส์ ผู้เป็นครูสอนช่างภาพมานับไม่ถ้วนตั้งแต่ยุคทศวรรษ 70 ในนิวยอร์ก เมืองแห่งการเป็นผู้นำด้านศิลปะสมัยใหม่ ที่บรรดานักถ่ายภาพแนวสตรีทรู้จักกันในฐานะ “เมืองแห่งต้นกำเนิดสตรีทโฟโตแบบกลุ่มสกุลช่างนิวยอร์ก”

[กลุ่มสกุลช่างนิวยอร์ก หรือ New York School เป็นกลุ่มที่ไม่เคยจัดตั้งอย่างเป็นทางการ แต่สังคมใช้เรียกขานช่างภาพในนิวยอร์คยุคปลายทศวรรษ 30-60 ที่นิยมบันทึกภาพตามสภาพความเป็นจริง โดยไม่ก้าวก่ายหรือจัดฉากเหตุการณ์ภายในภาพ ความโดดเด่นของช่างภาพกลุ่มนี้คือการให้ความสำคัญต่อความเป็นมนุษย์มากเสียจนมุมมองไม่ได้ยืนอยู่บนความเป็นกลาง

พวกเขาสนใจความแปลกแยกอันสับสนวุ่นวายภายในสังคมเมือง จึงมักแสดงความบังเอิญแบบเฉียบพลัน, ดิบ, หยาบ, ลึกลับ หรือพร่าเลือน อันขัดแย้งกับแนวคิดแบบช่างภาพดาษๆ ทั่วไปที่ยึดถือแต่ความคมชัดสวยงามเป็นสำคัญ

เพราะสกุลช่างนิวยอร์กยึดหลักว่าพวกตนเป็นศิลปินภาพถ่าย ไม่ใช่แค่คนเดินถนนทั่วไป พวกเขานิยมปรัชญาแบบ Existentialism อย่างนักเขียนยุคเดียวกัน เช่น อัลแบร์ กามูร์, ชอง ปอล ซาร์ต]

ไม่เพียงเท่านั้น บทวิจารณ์ยังยืนยันถึงผลงานของไมเออร์ว่า “เธอมีดวงตาพิเศษ ที่ไม่ใช่แค่โดดเด่นด้วยการจัดองค์ประกอบเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยอารมณ์ขันเสียดสี ผลงานของเธออาจทำให้นึกไปถึงช่างภาพอเมริกันดังๆ ซึ่งล้วนอยู่ในกลุ่มสกุลช่างนิวยอร์กอย่าง Weegee, Robert Frank, Diane Arbus, Gary Winogrand, Saul Leiter และ Lisette Model

วิเวียน ไมเออร์ มักจะสวมหมวกปีกกว้าง เสื้อโค้ททะมัดทะแมงแบบผู้ชาย สะพายกล้อง Rolleiflex (กล้องทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้งกะทัดรัดเลนส์คู่ นิยมกันในยุคทศวรรษ 30 ที่ให้ภาพขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใช้ฟิล์มขนาด 120 ซึ่งใหญ่กว่าขนาด 35 มม. ที่ใช้กันในปัจจุบันหลายเท่า จึงเก็บรายละเอียดภาพได้ดีเยี่ยม และเป็นกล้องที่แม้แต่ช่างภาพหนังสือพิมพ์ก็ยังใช้กัน)

มาลูฟเล่าว่า “ผมประมูลกล่องเก็บฟิล์มของไมเออร์มาด้วยราคา 380 เหรียญ แต่ด้วยขนาดฟิล์มที่ไม่มีแล็บไหนล้างได้แล้ว ก็เลยปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้น จนได้ไปร่ำเรียนคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับการล้างอัดรูปแล้วก็เลยทำห้องมืดในบ้านของผมเอง แล้วทันทีที่ภาพถ่ายของเธอปรากฏขึ้น มันก็ทำให้ผมทึ่งในฝีมือ ผมเลยอัปโหลดขึ้นเว็บแล้วต่อมาก็กลายเป็นไวรัล แชร์ต่อๆ กันไป

 

รีวิว Finding Vivian Maier

 

ยิ่งตอนหลังพอผมรู้ชื่อเจ้าของฟิล์มจากคนจัดประมูล ก็ลองเสิร์ชดูตามอินเทอร์เน็ตแต่กลับไม่มีข้อมูลอะไรเลย ทำให้ผมรู้สึกว่านี่น่าจะเวิร์กกว่าหนังสือที่ผมกำลังเขียนอยู่เสียอีก แต่จากนั้นไม่นานผมก็ไปเจอข่าวร้ายของเธอทางอินเทอร์เน็ตในปี2009 ทำให้ผมได้ที่อยู่ของครอบครัวที่เธอเคยทำงานด้วย”

ด้วยความที่ไมเออร์ไม่มีทายาท และในฐานะที่มาลูฟประมูลฟิล์มเหล่านั้นมาได้ ลิขสิทธิ์ภาพนับแสนรูปจึงตกเป็นของมาลูฟโดยชอบธรรม มาลูฟตีพิมพ์หนังสือรวมภาพถ่ายและเอกสาร (monograph) เกี่ยวกับไมเออร์ออกมาสองเล่ม

คือ “Vivian Maier: Self Portraits” กับ “Vivian Maier: Street Photographer” รวมถึงจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ Howard Greenberg ที่เชี่ยวชาญทางการแสดงงานสกุลช่างนิวยอร์ก ในปลายปี2011

แต่ก่อนหน้านั้น ในปี 2010 มาลูฟเคยเปิดเผยเรื่องราวของไมเออร์ในรายการทอล์คโชว์ทางทีวีท้องถิ่นของชิคาโก ซึ่งก็บังเอิญว่า เจฟฟ์ การ์ลิน โปรดิวเซอร์ของอีกรายการกำลังดูอยู่พอดี การ์ลินผู้นี้คือเพื่อนซี้ของ

ไมเคิล มัวร์ ทำให้ในที่สุดก็ได้ซิสเกลมากำกับร่วม ด้วยเหตุผลว่าซิสเกลเป็นคนชิคาโกโดยกำเนิด แถมเติบโตมาในย่านไฮแลนด์ปาร์ค ที่ซึ่งวิเวียนเคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในละแวกนั้นพอดี

ความตื่นตาตื่นใจของสารคดี Finding Vivian Maier ไม่ได้มาจากภาพถ่ายอันเฉียบคมที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญเท่านั้น แต่มันยังมาจากชีวิตส่วนตัวของไมเออร์เองอีกด้วย

ซิสเกลเล่าว่า “บรรดาเจ้านายที่จ้างเธอล้วนเป็นพวกฐานะดี ส่วนตัวไมเออร์จะว่าไปก็เหมือนสาวใช้ในบ้าน เธอจึงมีระยะห่างกับผู้คนรอบข้าง อันทำให้คนอื่นคิดว่าเธอเป็นพวกมีโลกส่วนตัวสูง หรือปกป้องตนเองจากอดีตอันคลุมเครือที่เธอไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย แต่ที่น่าสนใจจากที่เราสัมภาษณ์มาก็คือ วิเวียนไม่ใช่พวกปลีกตัวออกจากสังคม ไม่ใช่คนขี้อายเก็บเนื้อเก็บตัวเลยด้วยซ้ำ

แถมยังไม่ใช่พวกแปลกแยก อันที่จริงเธอออกจะติดตลก มีไหวพริบ มีมุมมองความคิดแปลกใหม่ เป็นพวกช่างจ้อ มีไอเดียบรรเจิดมาฝอยให้ฟังเสมอ แถมยังเป็นนักอ่านหนังสือและดูหนังอาร์ตตัวยงด้วย และเธอไม่ใช่พวกเปลืองเวลาไปกับการเที่ยวเตร่เสเพล แต่อดออมเงินมาทำในสิ่งที่ตัวเองรัก”

ไมเออร์คือศิลปินตกสำรวจผู้มีชีวิตลึกลับ เหมือนมีตัวตนอยู่ระหว่างโลกของการเป็นศิลปินภาพถ่ายชั้นเยี่ยมกับโลกของพี่เลี้ยงเด็กบ้านๆ ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวตนของเธอเพิ่งจะถูกเปิดเผยหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 60 ปี แต่ก็ใช่จะมีแต่เรื่องดีงามเท่านั้นที่ถูกขุดกลับมาให้โลกยกย่อง

มาลูฟเล่าว่า “ตอนที่ผมได้ดูฟุตเทจภาพเคลื่อนไหวของอิงมาร์ เด็กคนหนึ่งที่ไมเออร์เคยเลี้ยงมา ซึ่งเป็นคนแรกที่บอกเราเกี่ยวกับความพิลึกของไมเออร์ จนไปเจอผู้ให้สัมภาษณ์รายอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลตรงกัน เราก็เริ่มมาคิดว่า เราต้องเคารพต่อตัวตนของวิเวียนและทำความเข้าใจเธอด้วย แม้ว่ามันจะเป็นด้านมืดของเธอก็ตาม”

รีวิว Finding Vivian Maier

อะไรคือด้านมืดของวิเวียน มาลูฟจะเก็บกู้ข้อมูลแบบไหนออกมาให้คนดูเห็น แล้วความลับสำคัญว่าทำไมไมเออร์จึงซุกซ่อนพรสวรรค์ของเธอเอาไว้ในกล่องอย่างเงียบงัน  ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

 

ซิสเกลทิ้งท้ายว่า “วิเวียนถ่ายภาพออกมาอย่างพิถีพิถัน และเก็บรักษาไว้อย่างทะนุถนอม นั่นแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงของวิเวียนที่ปรารถนาจะให้มีใครสักคนเห็นคุณค่าของผลงานของเธอ และคนนั้นต้องมีศักยภาพมากพอที่จะเล่าเรื่องราวของเธอออกมาให้โลกประจักษ์ได้ด้วย”

หนังสารคดีคงเป็นหมวดหมู่ที่ไม่ได้พบเห็นตามโรงหนังเมืองไทยถ้าไม่ใช่งานเทศกาลภาพยนตร์ แต่ปัจจุบัน เหมือนมันจะเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อกลุ่ม คัดเลือกหนังในหมวดหมู่สารคดีเข้ามาฉายแบบจำกัดรอบจำกัดโรงให้คนไทยได้ชมกัน ก็พอเข้าใจว่า กลุ่มที่สนใจจะดูหนังพวกนี้คงเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ

ภาพยนตร์สารคดีที่ได้เข้าชิงออสการ์ปีนี้อย่าง ‘Finding Vivian Maier’ ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อนำมาฉายในประเทศไทย หลายคนคงได้เข้าไปดู และหลายคนก็คงจะพลาดกันไป วันนี้ ผมคงต้องขอมาพูดถึงสักหน่อย เผื่อว่าหลายคนอาจจะอยากพาตัวเองไปพบกับภาพยนตร์แขนงที่ไม่เคยได้รับประสบการณ์และอรรถรสกันดูบ้าง

รูปแบบของหนังเรื่องนี้มันเป็นแบบบทสัมภาษณ์เหมือนๆ กับหนังสารคดีส่วนใหญ่ แต่ตัดสลับกับภาพอื่นๆ ที่หลากหลายแตกต่างกันไป

การตามหาและทำความรู้จักกับเจ้าของภาพถ่ายแนวสตรีทนับพันภาพที่ไม่มีใครรู้จักของหนุ่มคนหนึ่งที่กลายเป็นมาเป็นหนังสารคดีเรื่องเยี่ยม John Maloof คือชายหนุ่มผู้ค้นพบฟิล์มเนกาทีฟของ Vivian Maier จากการประมูล ก่อนจะเกิดแรงบันดาลใจที่จะออกติดตามหาข้าวของทั้งหมดของเธอ และที่สำคัญคือการติดตามค้นหาเรื่องราวชีวิตของเธอจากคนที่เธอเคยมีชีวิตอยู่ด้วยมาก่อน

ก่อนจะพบว่า ชีวิตของเธอช่างแปลกแตกต่างและไม่เหมือนใครJohn Maloof พาเราไปพบกับผู้คนมากหน้าหลายตาที่ช่วงหนึ่งในชีวิตเคยรู้จักและเคยอยู่ในช่วงชีวิตของ Vivian Maier ใครไปนึกว่า ผู้หญิงที่ถ่ายภาพไว้มากมาย ไม่เคยนำภาพถ่ายสวยๆ ที่เล่าเรื่องราวได้อย่างน่าอัศจรรย์…ผู้นั้น จะเป็นเพียงแค่พี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่ง

หนังไล่เรียงไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการได้มาซึ่งฟิล์มเนกาทีฟชุดแรก ที่ทำให้เขาได้รู้ว่ากับวิเวียน ไปจนมีความคิดติดตามของชิ้นที่เหลือ และติดตามไปจนได้รับรู้ชีวิตของเธอผ่านผู้คนมากหน้าที่เธอเคยอยู่ด้วย และปริศนาที่ยังค้างคาใจอย่าง

ในเมื่อเธอเป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้ ทำไมเธอจึงมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก และทำไมตลอดชีวิตของเธอจึงไม่เคยเปิดเผยชิ้นงานจำนวนมาก ที่สามารถจะทำให้เธอกลายเป็นศิลปินนักถ่ายภาพผู้โด่งดัง แทนที่จะเป็นคนดังในวันที่เธอไม่อยู่บนโลกแล้ว…เช่นนี้

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

“Finding Vivian Maier” เป็นหนึ่งในสารคดีที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม แปลก ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี ภาพยนตร์เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจกับการที่ฉันถูกดึงดูดเข้าสู่ชีวิตของผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้มากเพียงใด และเพิ่งเปิดตัวบน Netflix ในกรณีที่คุณต้องการลองดู เนื่องจากมีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครและคุ้มค่ากับเวลาของคุณ ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

 

เมื่อสารคดีเริ่มต้นขึ้น จอห์น มาลูฟ ชายหนุ่มที่ค่อนข้างแปลกตา พูดคุยกับกล้องเพื่ออธิบายว่าเขารู้จักวิเวียน ไมเออร์ได้อย่างไร อยู่มาวันหนึ่ง มีการประมูลกล่องขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายและเขาซื้อมันมาอย่างสนุกสนาน ปรากฎว่าภาพถ่ายเหล่านี้เป็นภาพถ่ายที่ดีอย่างน่าอัศจรรย์ของผู้คนในชีวิตประจำวันต่างๆ ที่ถ่ายในปี 1950

อย่างไรก็ตาม รูปภาพมีสัมผัสทางศิลปะอย่างมาก และเห็นได้ชัดว่าช่างภาพไม่ใช่มือใหม่—พวกเขามีสายตาของศิลปินที่ยอดเยี่ยม ด้วยข้อมูลเพียงเล็กน้อย John เริ่มค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ เขาประหลาดใจที่รู้ว่าวิเวียน เมเยอร์คนนี้เป็นสาวใช้และแม่บ้าน ไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม เรื่องราวนี้กลับกลายเป็นเรื่องแปลกไปในไม่ช้า

ปรากฎว่ามีที่เก็บของของเธอเต็มตู้ และนางสาว Maier เพิ่งเสียชีวิต และเห็นได้ชัดว่าไม่มีญาติคนสุดท้าย Maloof ซื้อเนื้อหาของหน่วย ข้างในมีกล่อง กล่อง และกระเป๋าเดินทางหลังกระเป๋าเดินทางที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายประมาณ 100,000 รูป ถ่ายตั้งแต่ปี 2494 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีบทบาทอีกมากมายในภาพยนตร์ที่ยังไม่ได้พัฒนา และใครจะรู้ว่ามีสมบัติล้ำค่าอะไรบ้างในภาพยนตร์เหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้พูดถึงภาพถ่ายหรือคุณสมบัติของเธอในฐานะศิลปินเท่านั้น จอห์นออกเดินทางเพื่อค้นหาคนที่รู้จักวิเวียนเพื่อช่วยเขารวบรวมเรื่องราวชีวิตของเธอ สิ่งที่เขาพบมักจะขัดแย้ง ค่อนข้างสับสน และเหนือสิ่งอื่นใด แปลกมาก ดูเหมือนว่าวิเวียนมีปัญหาในการติดต่อกับผู้คนและไม่ได้ทำงานเป็นเวลานาน เธอยังสร้างบุคลิกของผู้หญิงฝรั่งเศสด้วย

ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นว่าเธอเกิดที่นิวยอร์ก! นอกจากนี้ นอกเหนือจากครอบครัวหนึ่งที่เธอทำงานด้วยมาประมาณหกปีแล้ว งานส่วนใหญ่ของเธอดูเหมือนจะใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนหรืออาจถึงปี (กรณีนี้กับครอบครัวของฟิล โดโนฮิวเมื่อประมาณปี 1970 ใช่ ฟิล โดนาฮิว) ! เหตุผลไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอธิบายโดยไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟร

 

 

 

แต่สามารถสรุปได้ว่าเธอเป็น ‘ผู้เสียหาย’ ที่มีภาระทางอารมณ์มากมายและพฤติกรรมแปลก ๆ ที่เธอทำไม่ได้ เชื่อมต่อกับผู้อื่นจริงๆ เธอไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นสัมผัสร่างกายหรืออารมณ์ได้ และรูปถ่ายของเธอเป็นวิธีเชื่อมต่อกับโลกที่ไม่ธรรมดา คุณเรียนรู้อะไรอีก ดูหนังกันเถอะ เรื่องราวมีจุดพลิกผันที่ไม่ธรรมดามากมาย

โดยรวมแล้วมันไม่เหมือนชีวประวัติและเป็นเหมือนคดีทางนิติวิทยาศาสตร์ที่บางคนพยายามสร้างคนตายขึ้นมาใหม่โดยการสัมภาษณ์ทุกคนที่รู้จักเธอในช่วงชีวิตที่แปลกประหลาดของเธอรวมถึงการใช้รูปถ่ายฟุตเทจและเทปเสียงของ Maier และสิ่งที่ไม่ธรรมดาจริงๆ คือคนส่วนใหญ่ที่เธอรู้จักดูเหมือนจะไม่รู้ว่าเธอเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่…ขณะที่เธอนำความลับนี้ไปฝังที่หลุมศพของเธอ

น่าดึงดูดใจ….คำนี้น่าจะเป็นคำที่อธิบายหนังเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คุณแค่ต้องเห็นมันถึงจะเชื่อ และแม้ว่าหลายคนอาจคิดทบทวนเกี่ยวกับการดูสารคดีหรือภาพยนตร์เกี่ยวกับสิ่งประหลาดที่แปลกประหลาด แต่ผมขอแนะนำให้คุณให้โอกาสกับภาพยนตร์เรื่องนี้จากใจจริง คุณจะไม่เสียใจเลย ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง