รีวิว Apocalypse Now

ในส่วนของเรื่องราวนั้น สถานการณ์บ้านเมืองอาจจะก่อให้เกิดสงครามโลก ครั้งที่3 หรือไม่ ถึงพื้นหลังของเรื่องราวจะคือสงครามเวียดนาม หน้าหนังมีใจความต่อต้าน (Anti-War) แต่แท้จริงแล้ว Apocalypse Now ต้องการสำรวจ ท้าทาย ต่อสู้กับด้านมืดความชั่วร้ายในจิตใจ จะเอาชนะได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเราเอง ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

Apocalypse Now เป็นหนังสงครามที่สะท้อนสภาพจิตใจของเหล่าทหารได้ดีมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ทั้งความรู้สึก ประสาทสัมผัสที่มีต่อ สถานที่อย่างเวียดนาม ซึ่งมีลักษณะคล้าย “ฝันร้าย” มากกว่าจะเป็นสถานที่บนโลก (ซึ่งคนดูเองก็ได้สัมผัสมันผ่านภาพและเสียงของหนังที่ออกแบบอย่างวิจิตรให้คนดูเข้าถึงได้อย่างแท้จริง)

ไปจนถึงก้นบึ้งของจิตใจของตัวละคร ดังจะเห็นว่าทั้งผู้พันเคิร์ซและ กัปต้นวิลลาร์ดนั้นล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความมืดมน ความชิงชังอาฆาตซึ่งเป็นผลผลิตจากภาวะสงครามทั้งสิ้น เป็นสงครามที่พวกเขาก่อขึ้นเอง แล้วสุดท้ายก็เป็นพวกเขาเองที่กลายเป็นอสูร เป็นความน่าสะพรึงกลัวเสียเอง

ภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรกมีชื่อเรื่อง Apocalypse Now ชื่อไทยว่า “กองพันอำมหิต” พร้อมปกหลังที่ดูเป็นนายทหารป่าเถื่อน มีบาดแผลมากมายก็อยากจะดู สิ่งที่เกิดขึ้นคือดูไม่รู้เรื่อง ยิงกันไร้เหตุผล มีคนเดินไปมาคุยกัน ฉากท้ายจะจบก็มีเซ็นเซอร์เบลอๆ ก็เลยจบแบบ งงๆ แต่หลังจากที่โตขึ้นชีวิตได้พบเจอเรื่องราวมากมายก็ได้เวลาหยิบมาดูอีกครั้งช่วงมหาวิทยาลัยตอนที่รับงานรีวิวหนัง

ซึ่งในลิสนี้มี ภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ ก็เลยคิดว่าน่าเคยดูมาก่อน แล้วตอนเด็กรอบนี้ คงดูผ่านๆ น่าจะตีความไรได้ ตรงกันข้ามกลับชอบมาก และชอบมากๆ ชนิดที่ว่าดูไปแล้ว 3 ถึง 4 ครั้งก็ยังสามารถดูได้อีก

Apocalypse Now นั้นอาจจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ Francis Ford Coppola หลังจาก The God Father เลยก็ว่าได้ ซ้ำยังมีรางวัล และคำวิจารณ์จากเวทีภาพยนตร์จากหลายสาขายกย่องให้ Apocalypse Now นั้นคือภาพยนตร์ที่ควรได้ชมก่อนตาย ไปดูกันเลยที่เว็บดูหนังฟรี

 

 

ในฉากแรกๆที่ฝูงเฮลิคอปเตอร์ของอเมริกาบุกถล่มฐานทัพของเวียตกง ทั้งห่ากระสุนปืนกล ดงระเบิดนาปาล์มถูกกระหน่ำใส่ฝ่ายศัตรู มันเป็นฉากที่ “ใหญ่” และ “อลังการ” มาก สมกับความเป็น “หนังสงคราม” ในขณะเดียวกันการกำกับภาพก็แปลกตาไปจากหนังสงครามอื่นๆ เพราะทั้งสวย ทั้งทรงพลัง และดูเหนือจริง แต่หลังจากนั้นที่หนังเริ่มเข้าสู่ภารกิจของกัปตันวิลลาร์ดที่ต้องไปตามตัวผู้พันเคิร์ซเพื่อสังหาร

ความเป็นหนังสงครามก็ลดลงไป เหลือเพียงแค่ผลกระทบและความน่าสะพรึงกลัวจากสงครามแทน ซึ่งถือว่าเป็นตลกร้ายอย่างมาก ดูหนังเรื่องนี้ภาพชัดๆ เสียงคมๆ 

หนังจับกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งที่ร่วมเดินทางไปกับกัปตันวิลลาร์ดซึ่งให้ความรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยอย่างยิ่งยวดประกอบกับภารกิจที่ถูกมอบหมายหาใช่การไปกำจัดศัตรูหากแต่เป็นอดีตทหารในกองทัพที่ตอนนี้ถูกมองว่าเป็นคนบ้าไปแล้วทำให้การเดินทางในเขตศัตรูครั้งนี้จึงไม่น่าไว้วางใจ และเมื่อการเดินทางผ่านไปเรื่อยๆ เรือที่ล่องไปตามลำน้ำลึกขึ้นๆ กลุ่มทหารก็ยิ่งต้องถูกทดสอบหนักขึ้นๆ ทั้งในแง่การรอดชีวิตและในแง่การรอดจากความสติแตก ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022

และแม้ว่าจะปรากฏตัวในหนังไม่มากนักแต่ผู้พันเคิร์ซนั้นเป็นตัวละครที่สำคัญอย่างแท้จริง เขาเป็นตัวแทนของคนที่ไม่อาจทนต่อสภาพสงครามอีกต่อไป จนแสดงออกมาเสมือนว่าตนเองเป็น “สงคราม” เสียเอง คือทำลายล้างทุกคน ไม่แบ่งชาติพันธุ์ และดำรงตนคล้ายพระเจ้าในกลุ่มคนเหล่านั้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าภาวะสงคราม (เวียดนาม) ทำให้เขารับรู้ได้ว่าเขาไม่อาจจะควบคุมสิ่งใดๆได้อีกต่อไปในภาวะสงคราม เขาจึงเลือกที่จะแยกตัวออกมาเพื่อควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นได้

รีวิว Apocalypse Now

เรื่องราวทั้งหมดถูกบอกเล่าผ่านภารกิจของ Captain Robert L. Willard นำแสดงโดย Martin Sheen  ซึ่ง Willard นั้นคือนายทหารที่ประจำการอยู่ในเวียดนาม ที่ใช้ชีวิตไปวันๆ กับการเสพยา ดื่มเหล้า เมา นอน เพื่อรอให้กองทัพเรียกตัวไปรบ หรือปฏิบัติภารกิจ ตัวภาพยนตร์ได้สะท้อนอาการของ ตัวเอกที่มีภาวะเสพติดสงคราม ไม่กล้าที่จะกลับไปบ้านเกิดเพราะหากว่ามีการกลับบ้านชีวิตอาจจะไม่เป็นแบบเดิม ไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

สำหรับนักเรียนวิชา จิตวิทยา และคนทำภาพยนตร์อาจจะต้องเคยทำรายงานผ่านฉากเปิดเรื่องที่มีการ ถกเถียงกันมากที่สุด กับฉากเปลือยกาย เมากัญชา รำมวยจีน ต่อยกระจก ร้องไห้ พร้อมกับภาพของ พัดลมเพดานที่ซ้อนทับกับ ใบพัดเฮลิคอปเตอร์ ประกอบกับเพลงของวง The Doors ที่ชื่อ The End เป็นฉากที่มีการพูดถึงเพื่อตีความมากเป็นพิเศษ เพราะความลงตัวของเพลง เนื้อหา จังหวะ และการแสดงของ Martin Sheen

ซึ่งในเวลาอันสั้นก็มีหมายเรียกให้ Willard ได้เข้ารับภารกิจจากผู้บังคับบัญชา (หนึ่งในนั้นคือ Harrison Ford) โดยภารกิจที่ได้รับมอบหมายนั้นคือการเดินทางเข้าไปในป่าของเวียดนาม เพื่อตามหา หัวหน้าหน่วยกรีนเบเร่ย์ชื่อว่า ผู้พัน Kurtz นำแสดงโดย Marlon Brando จากรายงานบันทึกเทปที่ทางกองบัญชาการได้รับตลอดเวลาได้บ่งบอกว่า Kurtz นั้นกลายเป็นคนเสียสติ

และตลอดเส้นทางที่ Kurtz เดินทางไปนั้นจะมีผู้คนล้มตาย และถูกฆ่าอย่างสยดสยอง มากมาย ภารกิจที่ได้รับคือให้ Willard เดินทางแกะรอย เข้าไปร่วมกองทัพของ Kurtz และสังหาร Kurtz ทันทีที่มีโอกาส

แน่นอนว่าพลอตเรื่องแม้ว่าจะเป็นสูตรสำเร็จของภาพยนตร์สงคราม เดินทาง ต่อสู้ ผจญภัย ตรงกันข้าม Apocalypse Now นั้นไม่เป็นไปตามสูตรเหล่านั้น

บรรยากาศโดยรวมของภาพยนตร์ และการดำเนินเรื่องได้พาให้เราได้เดินทางไปพร้อมกับ Willard และค้นหาความมืดมิดในจิตใจมนุษย์เช่น Kurtz พร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่ปรกติของเวียดนามในขณะนั้น บวกกับภาวะของจิตใจนายทหารคนอื่นๆ ที่เดินทางไปด้วย จากความพร้อมกลายเป็นความไม่พร้อม และสุดท้ายก็กลายเป็นความไม่แน่ใจ เช่นเดียวกับ Willard ที่พอเรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ ตัวตนของเขาเองก็เริ่มจะไม่ต่างจาก Kurtz ดูหนังออนไลน์ฟรี 2021 เต็มเรื่อง พากย์ไทย

 

 

Apocalypse Now ได้สะท้อนถึงมุมมองในแง่ของความมีเหตุผล และไร้เหตุผล สะท้อนให้รู้ว่าโลกนี้ความดี ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เรารับชัยชนะ (ทฤษฏีตามคำสอนเรื่อง Good & Evil, Good does not always triumph) สังเกตได้ในเรื่องของเหตุผล สุดท้าย สิ่งที่ทางอเมริกานั้นบอกมาก็ใช่ว่าจะถูกเสมอไป สาเหตุที่ Kurtz ต้องเสียสติ และกลายเป็นฝ่ายที่ต่อต้านอเมริกาก็เพราะสิ่งที่เค้าต้องทำตามคำสั่งของกองทัพในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่คดว่าจะช่วยคนแต่สุดท้ายคือสังหารหมู่ ในแง่ของความดีไม่ได้ช่วยให้รับชัยชนะ Willard รู้ดีว่าถ้าเข้าหา Kurtz ตรงๆ ไม่มีทางที่จะสังหารเค้าได้

การลอบสังหารแบบคนขลาดคือทางเดียวที่จะได้รับชัยชนะ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเรื่องราวระหว่างการเดินทางของ Willard นั่นคือการได้เห็นพร้อมกับเขาว่า ความโหดร้ายของสงคราม การเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ การฆ่าฟันคนอย่างไร้เหตุผล(หรือมีเหตุผล) ในสงคราม สามารถทำให้คนเป็นบ้า เสียสติ วิปลาส เช่น Kurtz เค้าได้ตั้งตัวเองว่าเป็นผู้วิเศษ เป็นศาสดา แห่งดินแดนใหม่ที่จะก่อเกิดจากวันพิพากษา หรือที่หนังเรียกว่า Apocalypse

ซึ่งผู้คนที่ศรัทธาในตัวของ Kurtz นั้นก็ต่างเชื่อมั่น กราบไหว้ บูชา ประหนึ่งเทพเจ้า นี่คือผลพวงของความวิปลาสของคนในสงคราม แล้วมันต่างอะไรกับ อเมริกาในสมัยนั้นที่มองว่าตัวเองคือพระเจ้า สะท้อนอยู่หมัด

ความรู้สึกหลังดู

การร้องเรียนที่ใหญ่ที่สุดของฉันเกี่ยวกับ “Apocalypse Now” คือหลายคนที่คิดว่ามันอาจคิดว่านี่เหมือนกับสงครามเวียดนาม มันเกือบจะเหมือนกับการล้อเลียนที่ไม่ตลก แต่เป็นการเสียดสีแทนการแสดงมุมมองที่แท้จริงของสงคราม ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์เหนือจริงตลอดทศวรรษ ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Apocalypse Now

 

และเหตุการณ์สมมติบางส่วนร่วมกับหนังสือเรื่อง “Heat of Darkness” ของโจเซฟ คอนราด และภาพยนตร์เรื่อง “Aguirre: The Wrath of God” ของโจเซฟ คอนราด และภาพยนตร์เรื่อง Herzog เรื่อง “Aguirre: The Wrath of God” ผลลัพธ์น่าทึ่งมาก…แต่ไม่ใช่สงครามเวียดนามที่เกิดขึ้นจริง กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความบ้าคลั่งมากเกินไปสำหรับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่มันก็ทำให้การดูน่าตื่นเต้นและน่าสนใจ

2/3 แรกของภาพยนตร์เรื่องนี้คล้ายกับ “อากีร์” มาก เนื่องจากแสดงให้เห็นกลุ่มคนไม่เหมาะสมที่นำเจ้าหน้าที่ซีไอเอ (มาร์ติน ชีน) ขึ้นไปบนแม่น้ำในกัมพูชาในภารกิจลอบสังหารอย่างลับๆ ระหว่างทาง มีวิกเน็ตต์เล็กๆ บ้าๆ มากมายจำนวนมหาศาลถูกใส่เข้าไปในภาพยนตร์ ซึ่งบางอันก็ไร้สาระอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ฉันต้องบอกว่าเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย

ฉากเซอร์เรียลและไร้สาระบางฉากก็ถูกนำออกไป เช่น ฉากกระต่าย Playboy ที่ไม่สมเหตุสมผล แต่เหตุผลที่ทำให้เกิดความไร้เหตุผลมากมายในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ ผู้สร้างภาพยนตร์ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ไม่ได้พยายามสร้างภาพที่แท้จริงของสงคราม ฉันหวังว่าความบ้าคลั่งนี้จะลดลงเล็กน้อย ฉันเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ที่เกษียณแล้วและรักการพรรณนาที่แม่นยำอย่างแท้จริง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติอย่างมาก และคอปโปลาไม่ได้พยายามสร้างสารคดีอย่างแน่นอน เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

 

 

รีวิว Apocalypse Now

ส่วนสุดท้ายนั้นมาจาก “Heart of Darkness” โดยพื้นฐานแล้ว โดยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่นี่และที่นั่น (เช่น จุดประสงค์ของการมาเยือน Kurtz) ตอนนี้ถ้าคุณยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันไม่แนะนำให้คุณทำเช่นนั้น เชื่อฉันเถอะ มันเป็นหนังสือที่ยากและน่าเบื่อเล่มหนึ่งที่ฉันเคยอ่านมา (ใช่ อาจารย์ชาวอังกฤษ ฉันรู้ว่าคุณจะตีฉันด้วยคำว่า ‘ไม่มีประโยชน์’ มากมายเพราะฉันพูดแบบนี้)

และแม้ว่าจะเหนือกว่าในหลาย ๆ ด้าน อย่างน้อยมันก็สนุกดี บางสิ่งที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ (ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ใช่เรื่องราวสงครามและเกิดขึ้นในคองโกของเบลเยียม) อันที่จริง เพื่อนครูสอนภาษาอังกฤษคนหนึ่งของฉันยอมรับ หลังจากที่ฉันกดดันเขา ว่าหนังสือนั้นทนไม่ได้

แล้วหนังมันดีไหม? แน่นอน. ทำได้ดีมาก แต่จำไว้ว่ามันไม่ใช่งานที่ไม่ใช่นิยาย ตอนนี้ฉันไม่ได้ปกป้องสงครามเวียดนาม (มันพังทลายทุกวิถีทางและเป็นช่วงเวลาที่โง่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ) แต่แค่ไม่ต้องการให้คนใจง่ายคิดว่ามันเป็นความจริง อย่างน้อยเพื่อมุมมองที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความเป็นจริงของสงคราม ให้ลองดู “Full Metal Jacket” แต่สำหรับมุมมองที่บ้าบอ เหนือจริง และชวนให้หลงใหล ให้ดู “Apocalypse Now” ราวกับไม่เคยเห็นอะไรมาก่อน…

FYI–ไม่ควรทำให้ใครแปลกใจว่านี่เป็นภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเรื่อง “Redux” เมื่อปี 2544 ภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งความรุนแรง ภาษาที่รุนแรง และภาพเปลือยที่โจ่งแจ้ง ดังนั้นอย่าดูกับแม่ของคุณ- สะใภ้หรือลูกสะใภ้ ชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวได้ที่นี้ทีเดียว เว็บรีวิวหนัง