รีวิว American Sniper

เรื่องราวของ ภาพยนตร์เรื่อง American Sniper นี่คือภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2014 ไม่ต้องสนศีลธรรม หนังชีวประวัติ หากในแง่ของดราม่า
คงต้องบอกว่า American Sniper มีความตื่นเต้นระทึก และ ความจริงที่แสนเจ็บปวดกับพลแม่นปืน หรือ สไนเปอร์สุดยอดความแม่นระดับพระกาฬ
แห่งกองทัพสหรัฐฯ ที่ได้รับการยกย่องว่าเหนี่ยวไกสังหารศัตรูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติทหาร และ เขาคือ “วีรบุรุษมัจจุราช ดูได้ที่ ดูหนัง

 

 

American Sniperสร้างจากเรื่องจริงของ Chris Kyle (Bradley Cooper จาก Silver Linings Playbook และ American Hustle) มือปืนสไนเปอร์ในตำนานผู้สังหารศัตรูไปมากที่สุดของอเมริกา (สถิติกว่า 160 ศพ) ก่อนมาเป็นทหาร เขาเติบโตมาในรัฐเท็กซัส

โดยมีพ่อสอนยิงปืนล่าสัตว์มาแต่เด็ก และปลูกฝังให้ดูแลปกป้อง Jeff Kyle น้องชายคนเดียวของเขา (Keir O’Donnell จาก Dawn of the Planet of the Apes) รวมถึงปกป้องคนอื่นๆ ที่อ่อนแอกว่า พอสองพี่น้องตระกูล Kyle โตขึ้น Chris ชักชวน Jeff ไปเข้าร่วมหน่วย Navy SEALs เพื่อรับใช้ชาติ แล้วเขาก็ได้มาเจอสาวสวย Taya (Sienna Miller จาก Foxcatcher) และแต่งงานกันก่อนที่ Chris จะถูกส่งตัวไปสมรภูมิรบ

ถ้าช่วงระยะเวลาการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 และ 2 คือช่วงที่ไทยนิยมนำมาสร้างเป็นหนัง/ละครแนวชาตินิยมมากที่สุด สำหรับสหรัฐอเมริกาก็เห็นจะเป็นช่วงสงครามก่อการร้ายนับตั้งแต่เหตุการณ์ 911 ลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน

 

รีวิว American Sniper

 

โดยเฉพาะช่วงสงครามอิรัก ที่ช่วงหลังกลายเป็นฉากหลังให้หนังจาก Hollywood หลายเรื่อง แซงหน้าสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคยเป็นฉากหลังยอดฮิตให้กับหนังสงครามสมัยก่อน แม้หนังสงครามส่วนใหญ่ของ Hollywood จะแฝงคติชาตินิยมเหมือนกัน แต่การเลือกฉากหลังที่แตกต่างกัน

ก็ส่งผลต่อทิศทางของหนังด้วยเหมือนกัน อย่างเช่นหนังสงครามโลกครั้งที่ 2  ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่มิตรภาพในหมู่ทหาร หนังสงครามเวียดนามเน้นไปที่การเอาตัวรอด ขณะที่หนังที่ใช้สงครามก่อการร้ายหรือสงครามอิรักเป็นฉากหลักมักจะลงลึกไปที่จิตใจของทหารที่ไปรบมากขึ้น

ซึ่งแนวทางนี้เหมือนจะเป็นแนวทางที่ Oscar ชื่นชอบด้วย เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหนังลักษณะนี้ได้เข้าชิง Oscar อยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Hurt Locker Zero Dark Thirty และล่าสุดก็ “American Sniper”

สำหรับ “American Sniper” เป็นหนังเรื่องล่าสุดของปู่ “Clint Eastwood” ที่จับเอาเรื่องราวของ “Chris Kyle” สไนเปอร์มือหนึ่งในสงครามอิรักของสหรัฐอเมริกา ประมาณการณ์ว่าเขาลั่นไกสังหารข้าศึกในช่วงสงครามไปกว่า 160 ศพ และเช่นเดียวกับหนังสงครามส่วนใหญ่ของอเมริกา American Sniper ก็ยังแฝงไปด้วยคติชาตินิยมอยู่

เพียงแต่มีวิธีการเล่าที่อาจไม่ได้บอกอย่างโจ่งแจ้งว่าสู้เพื่อชาติอะไรแบบนั้นตัวหนังเลือกไปเล่าที่ “คนอเมริกัน” เป็นแกนหลักแทนที่จะเป็นตัวชาติโดยตรง ให้คนดูรู้สึกเอาใจช่วยและเป้าหมายสูงสุดคือมองตัวบุคคลนั้นเป็นเสมือนต้นแบบ ซึ่งสุดท้ายก็เป็นโอกาสที่จะสอดแทรกคติชาตินิยมไปได้อย่างแนบเนียนขึ้น เพราะหากโจ่งแจ้งเกินไป ก็มีสิทธิที่คนดูจะตั้งป้อมป้องกันไว้ก่อนได้

ถ้าเทียบกับ “William James” ใน “The Hurt Locker” และ “Maya” ใน “Zero Dark Thirty” ตัว “Chris Kyle” นั้นก็ไม่แตกต่างจากพวกเขาในแง่ของการเป็นคนรักชาติและทุ่มเทให้กับหน้าที่อย่างถึงที่สุด แต่ขณะเดียวกันการเข้าร่วมสงครามเป็นเวลานาน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่สงครามจะเปลี่ยนจิตใจของพวกเขาไป

 

รีวิว American Sniper

 

ในกรณี William James คือการทำให้เขากลายเป็นคนเสพย์ติดความตื่นเต้นในสงคราม จนมีปัญหาในการใช้ชีวิตปกติ และเลือกกลับไปนักเก็บกู้ระเบิดในอิรักเช่นเดิมแม้ว่าจะเป็นงานที่เสี่ยงชีวิตก็ตาม ขณะที่ Maya การตามล่าบินลาเดินมาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี ได้เปลี่ยนจากคนที่เคยรู้สึกพะอืดพะอมกับการทรมานนักโทษ ให้กลายเป็นคนด้านชาที่สนใจแต่เป้าหมายโดยเกี่ยงวิธีการอีก

ขอแค่จับบินลาเดนให้ได้เพียงพอ เช่นเดียว Chris Kyle ใน American Sniper ประสบปัญหานั้นเช่นกัน แม้เขาจะเฝ้าบอกตัวเองว่าทั้งหมดเป็นการทำเพื่อหน้าที่ แต่เราก็สังเกตเห็นว่าเมื่อเขากลับมาบ้าน

เขาเริ่มมีปัญหาในการปรับตัว เสียงสงครามในอิรักตามหลอกหลอนเขาถึงสหรัฐฯ และภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้น กลายเป็นจุดที่ทำให้เขากลับไปที่สมรภูมิอีกครั้ง ในการประจำการครั้งหลังๆ ดูเหมือน Chris จะเข้าร่วมเพื่อต้องการเอาชนะสไนเปอร์ของอีกฝ่าย มากกว่าจะเพื่อกวาดล้างคนชั่วไปแล้วด้วยซ้ำ

รีวิว American Sniper

แต่สุดท้ายก็จะผ่านมาได้ นี่ไม่ใช่เหรอวีรบุรุษในอุดมคติที่ชาวอเมริกันต้องการ เป็นคนปกป้องประเทศ โดยที่ผู้ถูกปกป้องสามารถวางใจได้ว่าผู้ปกป้องจะไม่คลุ้มคลั่งกลายมาเป็นผู้ทำลายเสียอีก ขณะเดียวกันก็เหมือนกับส่งสารไปให้ชาวโลกไปในตัวว่า อเมริกันไม่ได้เป็นคนเสพย์ติดสงคราม อย่าลืมไปรับชมที่ ดูหนังฟรี

 

 

เหมือนดังที่พ่อของ Chris เคยพูดให้เขาฟังว่าคนแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ แกะ (คนอ่อนแอ) หมาป่า (อันธพาล) และ สุนัขเลี้ยงแกะ (ผู้ปกป้อง) สำหรับพ่อและอเมริกันชน Chirs คือสุนัขเลี้ยงแกะ และเป็นสุนัขที่ไม่มีวันกลายเป็นหมาป่ามาทำร้ายลูกแกะเสียเอง

เรื่องราวสำคัญ ของมือปืนแห่งหน่วยซีลของกองทัพสหรัฐฯ คริส ไคย์ล เขาต้องกลับสู่ยุคสงครามอีกครั้ง สำหรับฮีโร่อเมริกันตัวจริงมากกว่าทักษะของเขาด้วยปืนไรเฟิล และ ความแม่นยำของเขาได้ช่วยหลายชีวิตในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

แต่เขาก็มีความกดดันเรื่องครอบครัวด้วย ต้องกลายเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก แต่เขาไม่สามารถละทิ้งสงครามนี้ครั้งได้ เหมือนกัน และ คริส ไคย์ล ถูกส่งไปยังอิรักด้วยภารกิจเดียว เพื่อปกป้องพี่น้องของเขาในอ้อมแขนของเขาเอง”

เมื่อเรื่องราวของเขาแพร่กระจายออกไปเขาได้รับฉายา “ตำนาน” อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขาก็เพิ่มศัตรูมากขึ้น และ ฝ่ายศัตรูได้ตั้งค่าหัวเขา 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ และ เขายังต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ไปรับชมเลยที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

โดยฝ่ายศัตรูก็มีสไนเปอร์มือฉมังเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันการเข้าร่วมสงครามเป็นเวลานาน ๆ สภาพจิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และ เขาสามารถสังหารผู้ก่อการร้ายไปมากกว่า 160 ราย ถึงแม้ว่า “คริส ไคล์” จะทำความดีอย่างมากมาย แต่อย่างใดก็ตาม สิ่งที่เขารักมากที่สุดนั้นก็คือครอบครัว

ส่วนเรื่องฉากแอ็คชั่นก็ไม่ได้เยอะซักเท่าไหร่
ตัวหนังจะเน้นไปแนวดราม่ามากกว่าแต่ตัวหนังก็ยังสนุก และ ลุ้นระทึก อยู่บ้าง แต่การเล่าเรื่องที่ธรรมดาเกินไปถือว่าชอบนะแต่เห็นเป็นหนังเข้าชิงออสการ์ก็เลยคิดว่าหนังคงจะทำได้ดีกว่านี้นิดนึง คาดหวังเยอะไปหน่อย ด้านการแสดงของ แบรดลีย์ คูเปอร์ แสดงยอดเยี่ยมมาก แสดงเข้าถึงตัวละครดี และ เข้าถึงอารมณ์อย่างด้วย สามารถดูเพลิน ๆ ได้เลยทีเดียว และ เป็นหนังที่บันเทิงกว่ามาก แม้จะไม่ถึงขั้น เน้นฉากแอ็คชั่นมากนัก แต่ก็

ดูสนุกได้เหมือนกัน ทำให้หนังมีความเข้มข้น
ส่วนด้านรายได้ ของภาพยนตร์ American Sniper สามารถกวาดรายได้ทะลุจากทั่วโลกมากถึง 547 ล้านดอลลาร์ โดยตัวหนังใช้ทุนสร้างแค่ 58 ล้านดอลลาร์ เท่านั้น ถือว่ากล่มความสำเร็จด้านรายได้ และ เสียงวิจารณ์อย่างยอดเยี่ยม

 

รีวิว American Sniper

 

แถมยังได้เข้าชิงลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 72 ด้วย
และ มุมกล้องถือว่าทำออกมาดีมาก และ ฉากสงครามทำออกมาดีเหมือนกัน นักแสดงถ่ายทอดความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ ดูกันจริงๆ แล้วหนังก็ไม่ได้เชิดชูแบบหนังบางเรื่อง โดยรวมถือว่าสนุกอยู่พอสมควร

เทียบกับ The Hurt Locker และ Zero Dark Thirty แล้ว American Sniper เป็นหนังที่บันเทิงกว่ามาก แม้จะไม่ถึงขั้น Action กันสุดมันส์ก็ตาม แต่ถ้าเทียบในแง่อารมณ์ความกดดันแล้ว American Sniper ยังห่างจากอีก 2 เรื่องแรกพอตัว คงเพราะหนังเลือกมองด้านดีๆ ของตัว Chris Kyle เป็นหลัก ช่วงที่กดดันจึงยังกดไม่สุดเท่าไหร่

รีวิวจากผู้ชมทั่วโลก

แม้ว่า American Sniper จะคว้ารางวัลออสการ์สาขา Best Sound Editing แต่ก็เป็นการแสดงของ Bradley Cooper ในบท Chris Kyle, Audie Murphy จากสงครามอิรัก ไปดูกันเลยที่ เว็บดูหนังฟรี

 

 

ฉันพูดอย่างนั้นเพราะหลังจากอ่านบันทึกความทรงจำของโทนี่ เคอร์ติส ซึ่งเขาเล่าถึงการทำงานร่วมกับเมอร์ฟีเมื่อทั้งคู่ยังเป็นผู้เล่นสัญญาจ้างรุ่นเยาว์ที่ยูนิเวอร์แซล-อินเตอร์เนชั่นแนล การแสดงของคูเปอร์ก็โดนใจฉันมาก การกล่าวว่าสงครามแทรกแซงอิรักเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ สงครามของเมอร์ฟีตามประวัติศาสตร์ที่เขียนไว้เป็นสงครามที่ ‘ดี’

ซึ่งทุกคนที่รับใช้ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษ เมอร์ฟีเป็นทหารที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเราได้รับการอธิบายโดยเคอร์ติสว่าต้องทนทุกข์กับความเครียดหลังบาดแผล คล้ายกับที่คูเปอร์แสดงให้เราเห็นในไคล์ เคอร์ติสเล่าว่าเขาและคนอื่นๆ มอบที่นั่งกว้างให้ออดี้ที่ยูนิเวอร์แซล โดยไม่รู้ว่าเมื่อใดที่อาการผมร่วงจะหาย

เมอร์ฟียังคงทิ้งสงครามไว้เบื้องหลังนอกเหนือจากการทำภาพสงครามหรือสามคนในฮอลลีวูด ในทางตรงกันข้าม Kyle ไม่เคยทิ้งสงครามไว้เบื้องหลังด้วยหน้าที่สี่ประการในอิรัก ทักษะของเขามีความสำคัญมาก เป็นสไนเปอร์ที่สังหารหมู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดที่กองกำลังติดอาวุธของเราเคยสร้างมา

รีวิว American Sniper

 

การได้เห็นสิ่งที่เราเห็นใน American Sniper จะทำให้ไม่มีใครเป็นเชียร์ลีดเดอร์ในสงครามอิรัก แน่นอนว่ามันทำให้คริส ไคล์ตกใจ เส้นชีวิตของเขาสู่ชีวิตปกติกลายเป็นภรรยาของเขาเซียนน่ามิลเลอร์และครอบครัวของเขา มากกว่าการแต่งงานกับพลเรือนหรือแม้กระทั่งกับการแต่งงานทางทหารส่วนใหญ่ ถ้าไม่มีทายา ไคล์ คริส ไคล์คงจะเป็นวิญญาณที่หลงทางจริงๆ

ผู้กำกับคลินต์ อีสต์วูดวาดภาพสงครามได้สมจริง Eastwood ไม่เหมือนกับ John Wayne ที่มี The Green Berets มีความรู้สึกที่ดีที่จะไม่สร้างภาพยนตร์สงครามโลกครั้งที่สองสำหรับความขัดแย้งนี้ ซึ่งตอนนี้กับไอซิสอยู่ในที่เกิดเหตุอาจยังไม่จบ

ฉันแนะนำให้ดู American Sniper สำหรับความแข็งแกร่งของการแสดงของแบรดลีย์ คูเปอร์ และการแสดงโดยรวมของนักแสดง เป็นภาพที่ดีที่สุดของสงครามอิรักบนหน้าจอ หากชื่นชอบการรีวิวของเรา สามารถติดตามการรีวิวของเราได้ที่นี่  เว็บรีวิวหนัง