รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์ วันนี้แอดมารีวิวหนังภาคต่อของสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ หลังจากกรินเดลวัลด์ถูกจับได้ในภาคที่แล้ว ภาคนี้ เขาหนีออกมาได้และได้ดำเนินแผนการต่อ กระทรวงเวทมนต์รวมถึงอัลบัส ดัมเบิลดอร์ และนิวท์ สกามานเดอร์ จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดเขาให้ได้

สัตว์มหัศจรรย์ อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์ เรื่องย่อ

อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าในภาคนี้นั้นมีเรื่องราวสำคัญๆ อยู่สองประการก็คือตามติดชีวิตของ เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ และตามหาครอบครัวของ ครีเดนซ์ ผู้เป็นออบสคูเรียล

(คนที่มีพลังงานด้านมืดอยู่ในร่างกาย) ว่ากันตามตรงหากใครที่เป็นสาวกโลกเวทย์มนต์มาตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter จนมาสู่เรื่องราวภาคแยกของสัตว์วิเศษนั้นเป็น

ต้องตั้งตารอคอยชมโลกสมมตินี้อย่างแน่นอน และเชื่อว่ามันจะไม่ทำให้ผิดหวัง ถึงแม้ว่าหนังจะได้คำวิจารณ์จากเมืองนอกที่ได้ดูก่อนบ้านเราซึ่งไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เมื่อได้ไปสัมผัสเรื่องราวในต่างๆ กลับพบว่ามันไม่ได้แย่อย่างที่คิด รีวิวหนังจินตนาการ

ด้วยความที่สร้างการเรื่องราวในภาคแยกนี้ล้วนแต่มีตัวละครที่เป็นผู้ใหญ่แทบทั้งสิ้น อีกทั้งอารมณ์ของหนังก็ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความสดใสเหมือน Harry Potter

จึงทำให้ภาพรวมออกมาค่อนข้างดาร์กและหม่น ซึ่งจะว่าไปมันก็มีอารมณ์นี้มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ในส่วนของการดำเนินกับความยาวของหนัง 2 ชั่วโมงกว่า

หลายคนอาจจะคิดว่ามันนานเกินไปหรือเปล่า ขอบอกเลยว่าเมื่อได้ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวเหล่านี้จะพบว่าเวลาแค่นี้ไม่ได้นานเลย ดูหนังใหม่

แม้ว่าการผจญภัยครั้งใหม่ของ นิวท์ สคามันเดอร์ จะทำให้เราได้ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นานาชนิดที่ทยอยอวดโฉมพร้อมความสามารถพิเศษดาหน้ามาให้เราได้

เพลิดเพลิน โดยเฉพาะเจ้านิฟเฟลอร์ที่ออกมาขโมยซีนสุดๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังไม่ได้ทำให้เราจดจ่อกับประเด็นสำคัญจริงๆ เนื่องจากว่าทีมผู้สร้างมักจะใส่เรื่องราวเล็กๆ

น้อยๆ คอยดึงดูความสนใจของเราไปจากเนื้อเรื่องหลักเสมอ ซึ่งหากใครไม่ได้คิดมากกับเรื่องราวปลีกย่อยเหล่านี้ก็เชื่อว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนอกเสียจากว่าจะเก็บสะสมข้อมูลต่างๆ ไว้ในคลังเพื่อที่จะดูภาคต่อๆ ไปได้อย่างเต็มอรรถรส ดูหนังHD

เนื้อเรื่อง

เรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วที่”กรินเดลวัลด์“พ่อมดผู้ชั่วร้ายถูกจับกุม แต่ด้วยความที่เขาเป็นพ่อมดที่ฉลาด เก่งกาจ และพูดโน้มน้าวใจคนเก่ง ทำให้เขาหนีจากการจับกุมได้

ฉากนี้มันมาก ทั้งความอลังการของซีจีรถม้า”เธสตรอล”คุมขังนักโทษ รวมกับฝึมือนักแสดงที่แสดงดีเคมีเข้ากันมาก คือมาดูเรื่องนี้แค่ฉากนี้ก็คุ้มแล้วจริงๆ

หลังจากหลบหนีสำเร็จสิ่งที่เขาทำคือ หาพรรคพวกเพื่อเป็นกำลังในการต่อสู้ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้วิเศษปกครองมักเกิ้ล โดยกำลังสำคัญที่เขาอยากได้คือ ครีเดนซ์ แบร์โบน(ด้านซ้าย)

เด็กหนุ่มผู้มีพลังออบสครูรัสในตัว เพื่อไปต่อกรกับดัมเบิลดอร์ นอกจากนั้นในภาคนี้ยังมีตัวละครที่น่าสนใจอย่าง”นากินี”(ด้านขวา) ที่ถูกเปิดเผยมาว่าเธอเป็น”มาเลลิกตัส”หญิงสาวที่มีสายเลือดต้องสาป ทำให้กลายเป็นงู จนในที่สุดจะกลายเป็นงูถาวรไม่สามารถกลับมาเป็นคนได้อีก

ในเนื้อเรื่องครีเดนซ์ แบร์โบน พยายามหาที่มาของตัวเองว่ามาจากไหน แล้วได้เบาะแสว่าตนน่าจะอยู่ในตระกูลเลสแตรงจ์ ซึ่งตัวละครที่เกี่ยวข้องกับตระกูลนี้ที่ปรากฎให้เห็นคือ ลีตา เลสแตรงจ์ สาวสวยที่เป็นคู่หมั้นของพี่ชายนิวท์ สคามันเดอร์ นำไปสู่ปริศนาของตระกูลเลสแตรงจ์

อีกทั้งเรื่องนี้ยังมีเซอร์ไพร์ที่ตัวละครในตำนานของ Harry Potter มาปรากฏตัว ซึ่งก็คือ”นิโคลัส เฟลมเมล” ผู้สร้างศิลาอาถรรพ์ ที่มาสร้างสีสันให้กับเนื้อเรื่องในการช่วยตัวเอกสู้กับกรินเดลวัลด์ในฉากที่เอาไม้กายสิทธิ์ปักพื้น ถือเป็นอีกหนึ่งฉากที่ประทับใจมาก

และยังมีเหล่าสัตว์วิเศษแสนน่ารักที่นำทัพโดยตัวแสบอย่าง”นิฟเฟลอร์”เจ้าหัวขโมยตัวน้อยที่ภาคนี้มาทำประโยชน์ในการเป็นผู้ช่วยนิวท์ สคามันเดอร์ พระเอกของเรา

และน้องใหม่อย่าง”ซูวู” แมวตัวยักษ์จากนิทานของจีน ผู้ช่วยที่แสนซื่อสัตย์ของนิวท์ จากภาคแรกเรื่องจะเกิดที่นิวยอร์ก ภาคนี้เนื้อเรื่องหลักไปถ่ายทำกันที่ปารีสอีกด้วย

ซึ่งอาจเป็นมหากาพย์ที่จะนำไปสู่สงครามครั้งใหญ่เลย เพราะแว่วมาว่า”กรินเดลวัลด์“เป็นที่หวาดกลัวในทวีปยุโรป ทำให้ในภาคถัดไปการถ่ายทำจะไปถ่ายกันที่บราซิล

ไม่แน่ว่ากว่าจะครบทั้ง5ภาค เหล่าแฟนๆก็จะได้ชมทัศนีภาพสวยๆของประเทศในยุโรปกันไปหลายประเทศกันอย่างจุใจเลยจ้า

การดำเนินเรื่อง

ปัญหาประการใหญ่ของ The Crimes of Grindelwald คือการ “แวะเล่ารายทาง” ที่ไม่ได้ขับเคลื่อนเรื่องราวหลักๆซักเท่าไหร่ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว แผนการแหกคุกของ กรินเดลวัลด์

(จอห์นนี่ เด็ปป์) ซึ่งเมื่อได้รับการเฉลยในช่วงท้ายเรื่องนั้น ที่จริงแล้วมันมีแรงจูงใจและผลกระทบต่อบทภาพยนตร์ในภาคนี้ แถมยังมีความน่าสนใจ ว่าทำไมเขาจึงมีความคิดที่จะกำจัดคนที่

ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ นั่นก็คือมักเกิ้ล (มนุษย์ปกติ) และเลือดสีโคลน (คนที่มีเลือดผสมระหว่างพ่อมดแม่มดและมนุษย์) นั่นก็เพราะเขากำลังมองเห็นหายนะที่คืบคลานเข้ามาในรูปแบบ

ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นฝีมือของมักเกิ้ล ถ้าหนังเลือกจะขยายความแผนการดังกล่าว มันคงจะช่วยทำให้เรื่องราวในหนังภาคนี้ มีจุดสำคัญอันเป็นแก่นของเรื่องมากยิ่งขึ้น

สิ่งสุดท้ายคือบทภาพยนตร์ในภาคนี้ซึ่งเจ.เค.โรว์ลิ่ง ยังกลับมารับหน้าที่เดิม ยิ่งพิสูจน์ให้เราเห็นว่าเธอยังทำหน้าที่ในการเขียนบทได้ไม่ค่อยลงตัวจริงๆ

ว่าการเขียนบทภาพยนตร์นั้นแตกต่างจากการเขียนนิยายที่จะใส่รายละเอียดอะไรเข้ามาก็ได้ เปรียบเทียบง่ายๆคือตอนที่ Harry Potter เป็นภาพยนตร์นั้น ได้รับการดัดแปลงมาจากตัวนวนิยาย

มีการคัดเลือกเรื่องราว ลดทอนรายละเอียดและเลือกจะเล่าในสิ่งที่นำไปสู่จุดไคลแมกซ์ แต่ในขณะที่ The Crimes of Grindelwald กลายเป็นใส่แต่รายละเอียด

แต่ลืมที่จะเล่าสิ่งที่ “จำเป็น” ต่อการทำความเข้าใจพฤติกรรมของตัวละคร ส่งผลให้ไคลแมกซ์ (ช่วงเวลาในลานประชุมใต้สุสาน) กลายเป็นการยัดทะนานข้อมูลมากมายไปหมด เพียงเพื่อจะนำไปสู่หนังภาคต่อไปเท่านั้น ดูหนังออนไลน์

ข้อมูลทั่วไป

คือต้องบอกว่า มีตัวละครเยอะมาก แล้ว Fantastic Beasts มันต่างจาก Harry Potter ตรงที่มันไม่ได้มีแค่ Harry กับ Voldermort ที่เป็นตัวเดินเรื่อง แต่ตัวละครแทบทุกตัวใน

Fantastic Beasts จะมีเรื่องเล่าเป็นของตัวเอง (เอาไปสร้างจักรวาลได้อีกไม่รู้จบ) ทำให้มี subplot เยอะแยะ จนไม่รู้จะไปโฟกัสที่อะไรก่อนดี (ถ้าเป็น Harry Potter

มันยังมีหนังสือนิยายมาก่อน คนดูหนังอาจจะตามทันหรืออินง่ายกว่าหน่อย) แต่บางคนมาแล้วก็หายไปเลย เช่น Bunty ที่เป็นคนช่วยเลี้ยงสัตว์วิเศษของ Newt

(แต่คิดว่าอาจจะมามีบทบาทในภาคหน้า) ซึ่งในแง่หนังสือ มันอาจจะพอเข้าใจได้ แต่พอมันเป็นหนัง แล้วมาเจอแบบนี้ รู้สึกแหม่ง ๆ บอกไม่ถูก ดูหนัง

ที่แน่ ๆ รู้สึกว่า Newt โดนกลืนไปเลย ทั้งที่จากไตเติ้ลหรือชื่อเรื่อง Fantastic Beasts มันน่าจะเป็นเรื่องของ Newt กับการหาข้อมูลสัตว์วิเศษมาเขียนหนังสือ แต่ตอนนี้คือ

Credence เหมือนจะเป็นพระเอก ความสนใจของทุกคนพุ่งมาเป็นเส้นตรงที่ Credence ผู้มีปมเรื่องชาติกำเนิด (อารมณ์เหมือน Luke Skywalker กับ Rey ตามหาพ่อแม่)

ยิ่งตอนจบที่เหมือนตั้งใจจบให้คนดูอยากดูภาคต่อในทันที (เพราะปลุมต่อมเสือกหนักมาก) ก็ยังทำให้ทุกคนดูจบแล้วให้ความสนใจกับ Credence ไปอีก แทบไม่มีใครพูดถึง Newt แล้ว

Grindelwald ก็ออกเยอะขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะองก์สุดท้ายที่ได้ใช้ทักษะการพูดโน้มน้าวออกมาขายตรงกลางอิมแพคอารีน่า อันนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่าพล็อตของ Fantastic Beasts

มีความซ้ำ ๆ คล้าย ๆ กับ Harry Potter หน่อย ๆ ละ แต่ Voldermort กับ Grindelwald จะแตกต่างกันเล็กน้อยในด้านแนวคิดและวิธีการ (ถ้าจะบอกว่า Voldermort เหมือน Hitler

ส่วน Grindelwald เหมือน Trump ก็ไม่ผิด) แต่สุดท้ายก็ถือว่าเป็นพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์การเมืองของ J.K. Rowling ที่น่าชื่นชมชิ้นหนึ่ง fantastic beasts ภาค2

ในความยาวสองชั่วโมงกว่า ถ้าตัด subplot และการโชว์ความยิ่งใหญ่วิจิตรตระการตาที่ขาด ๆ เกิน ๆ ออกไปบ้าง หนังภาคนี้จะเหลือเนื้อหาหลักจริง ๆ ที่นิดเดียวจริง ๆ ประมาณ 20-30 นาทีก็จบ

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์ บทสรุป

ในส่วนอาชญากรรมของ กรินเดลวัลด์ ตามชื่อภาคนี้นั้นก็ไม่ได้มีความหวือหวาอย่างที่คิดมากนัก เพราะหนังบอกเพียงแค่การเริ่มต้นที่จะปฏิบัติภารกิจของตัวร้ายตัวนี้เท่านั้น

ซึ่งวีรกรรมโหดๆ ที่เราคาดว่าจะได้เห็นแบบจัดหนักจัดเต็มนั้นก็ไม่ได้ตอบโจทย์ในส่วนนี้มากนัก เสมือนว่าเรื่องราวต่างๆ ในภาคนี้เป็นการปูเนื้อหาเพื่อที่จะเข้าสู่ภาคต่อเสียมากกว่า

แต่ก็ยังดีที่เราได้เห็นอดีตของตัวละครหลักซึ่งมีความเกี่ยวโยงกันทำให้แฟนๆ ได้ฟินไปกับเหตุการณ์ในหลายๆ เรื่อง

อย่างไรก็ตาม ยังดีที่หนังมีความหักมุมทำให้คนดูอย่างได้ลุ้นกันหลายต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแปรพักตร์เลือกข้างของคนที่เราคาดไม่ถึง รวมทั้งเรื่องครอบครัวและชาติกำเนิดของ

ครีเดนซ์ ที่ถูกเฉลยในจบ บอกได้เลยว่าแทบอยากจะดูภาค 3 ต่อเสียเดี๋ยวนี้เลย เรียกได้ว่าแอบช็อกเบาๆ กันเลยทีเดียว

จากเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลนี้ที่ได้ชมกัน เชื่อว่านอกเหนือไปจากการได้เพลิดเพลินท่องไปในโลกเวทย์มนต์แล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่หนังเรื่องนี้สื่อให้เห็นอย่างชัดเจนมากที่สุดก็คือ

ความเป็นครอบครัว ที่ตัวละครของจักรวาลนี้มักจะขาดสิ่งนี้เสมอ ใครที่ได้ดูเรื่องราวในเรื่องนี้น่าจะสามารถตกผลึกอะไรได้หลายๆ อย่าง และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้อย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องนี้ ไม่พูดถึง กรินเดลวัลด์ ก็คงไม่ได้ ตัวละครตัวนี้ที่แสดงโดยจอห์นนี่ เด็ปป์ นั้นคือตัวร้ายที่โคตรเท่ โคตรเฟี้ยว คือดูแล้วรู้สึกน่าเกรงขาม ดูคูล ไม่เหมือนโวลเดอมอร์ในแฮร์รี่

ที่ดูชวนให้แหวะและค่อนข้างไปทางตลกมากกว่า กรินเดลวัลด์ มีท่วงท่าที่สง่างาม มีคำพูดคำจาที่โน้มน้าวใจคนได้ดี มีความกวนตีนในระดับที่พอเหมาะ มีความนิ่ง สุขุม

ไม่ร้ายแบบบ้าคลั่ง โดยรวมคือเท่อะ ยอมรับเลยว่าถ้าเราเป็นผู้วิเศษก็อาจจะถูกโน้มน้าวไปแล้ว ก็แหม คำหาเสียงของเฮียมันฟังดูน่าคล้อยตามจริงๆ การจะให้ผู้วิเศษมีอำนาจเหนือมนุษย์งี้

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์ ความรู้สึกหลังชม

ทางด้านการดำเนินเรื่อง อย่างที่บอกไปว่าดูสนุก ไม่เอื่อยเฉื่อย แต่ละฉากมีภาพที่สวยงาม แค่ดูฉากก็เพลินแล้ว แต่ถ้ามองพล็อตแบบภาพใหญ่ ก็จะรู้สึกว่าไม่ได้คืบหน้าไปไหนมากนัก

คงเพราะพอตัวละครมากขึ้น ก็จะมีปม มีรายละเอียดมากขึ้น ช่วงเวลาของหนังบางส่วนจึงต้องพลีให้กับรายละเอียดเหล่านั้น แต่เราก็ให้อภัยเพราะมันเป็นรายละเอียดที่เป็นปริศนาน่ารู้

จริงๆ คืออยากจะรู้อดีตของคนคนนี้อะ อยากรู้ว่าคนนี้คือใคร มีความสัมพันธ์อะไรยังไง ประมาณนี้ Fantastic Beasts 2 full movie

สุดท้ายแล้ว อาจจะพูดช้าไปสักหน่อยเพราะนี่ก็ภาค 2 แล้ว แต่เราชอบการที่ให้เด็กจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟฟ์อย่างนิวท์ มาเป็นพระเอกอะ คือปกติแล้วคนทั่วไปจะมีมุมมองต่อ

เด็กฮัฟเฟิลพัฟฟ์ว่าเป็นเด็กติ๋มๆ เด๋อๆ ไม่เก่งอะไรเลย ค่อนไปทาง loser ไม่เหมือนกริฟฟินดอร์ที่ดูกล้าหาญบู๊แหลก สลิธีรีนที่ดูเจ้าเล่ห์แกมโกง หรือเรเวนคลอว์ที่ดูฉลาดเป็นกรด

แม้ว่าเราจะเคยเห็นวีรกรรมสุดคูลของตัวละครจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟฟ์มาบ้างแล้ว (เนวิลล์ ลองบัทท่อม กับ เซดริก ดิกกอรี่) พวกเขาก็ไม่ใช่พระเอกอยู่ดี ไม่ได้มีบทบาทเด่น

แต่สำหรับนิวท์นี่คือเป็นพระเอกเลย และเป็นพระเอกที่สะท้อนความเป็นฮัฟเฟิลพัฟฟ์ได้ดีนะ นิวท์ไม่ได้มาสายตะลุยสู้ ไม่ได้ฉลาดแกมโกง แต่เป็นคนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร

ตัวเองเก่งอะไร แล้วก็มุ่งมั่นให้ passion กับสิ่งนั้นๆ จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ คือเก่งในแบบที่สามารถประยุกต์สิ่งที่ตัวเองถนัดให้เข้ากับสถานการณ์ข้างหน้าที่ต้องเผชิญ

Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ใช่หนังที่ดูง่ายสำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสจักรวาลแฮร์รี่

แต่ถ้าหากอยากเปิดใจก็ไม่ยากเกินไปละ เพราะพล็อตหนังค่อนข้างตามได้ง่าย (อย่างที่บอก พล็อตใหญ่มันไม่ไปไหน ที่ชวนให้งงคือรายละเอียดยิบย่อย) ที่แน่ๆ คือแม้จะงงๆ

กับพล็อตก็ยังสามารถดื่มด่ำซีจีตระการตาได้ มันดีจริงๆ ส่วนใครที่เป็นสาวกแฮร์รี่และสัตว์วิเศษอยู่แล้ว ภาคนี้ก็เป็นอีกภาคที่สมควรไปดูเลย จะช่วยเติมเต็มโลกเวทมนตร์ที่เรารู้จัก

ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดูจบแล้วจะอยากรู้ว่าอีก 3 ภาคในภาพยนตร์เซ็ตนี้จะเป็นยังไง แล้วเหล่า fantastic beasts นี่จะได้กลับมาเป็นตัวหลักของเรื่องอีกรึเปล่านะ ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รวมรีวิวหนังทั้งหมด